(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์หลังคลายกังวลโควิด-19 แต่ยังต้องระวังความผันผวนรับ Sentiment ลบจากตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 20, 2020 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ได้ในช่วงสั้น จากคลายกังวลในเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังเมื่อวานนี้ได้ฉุดตลาดหุ้นไทยลง หลังจากทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ออกมาชี้แจงว่าเชื้อที่พบในผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นแค่ซากเชื้อที่ไม่สามารถแพร่ระบาดได้

อย่างไรก็ตาม มองว่ายังต้องระวังความผันผวนจากต่างประเทศ จากความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานการประชุมระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงสูง

แนะติดตามการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน โดยตลาดมองว่าจีนจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว แต่หากลดจะหนุนตลาดหุ้นปรับขึ้น และตัวเลขการรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,300 จุด หากหลุดลงมาแนวรับถัดไปที่ 1,290 จุด ส่วนแนวต้าน 1,315-1,320 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,692.88 จุด ลดลง 85.19 จุด (-0.31%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,374.85 จุด ลดลง 14.93 จุด (-0.44%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,146.46 จุด ลดลง 64.38 จุด (-0.57%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 107.03 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 123.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 22.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 20.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 23.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.63) 1,308.67 จุด ลดลง 21.44 จุด (-1.61%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,995.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ส.ค.63) เพิ่มขึ้น 4 เซนต์มาที่ระดับ 42.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 0.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • รามาฯเผยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กลับจากต่างประเทศหลังกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐครบ 14 วัน และออกมาใช้ชีวิตปกติเป็นครั้งแรกของไทย จากไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมา 86 วัน สธ.แถลงยืนยันการติดเชื้อโควิด 2 รายมีโอกาสแพร่เชื้อได้น้อยมาก แต่ต้องเร่งสกัดไม่ให้ระบาดซ้ำ ด้าน สมช. ชง ศบค.ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 30 วัน
  • ศบศ.ถกแผนพยุงเศรษฐกิจชง ครม.สัญจร เพิ่มจูงใจเที่ยวไปด้วยกันเป็น 10 คืนช่วยตั๋วเครื่องบินเป็น 2,000 บาท เดินสายพบ 20-30 เจ้าสัว พร้อมบริษัทจดทะเบียนให้เร่งลงทุน หวังพยุงจีดีพีให้ดีกว่าติดลบ 7.8% ตั้งเป้าเพิ่มจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง
  • มติพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมแก้ รธน.รูปแบบ ส.ส.ร.ตั้งทีมศึกษาก่อนยื่นร่างเดียวกันให้เป็นเอกภาพด้าน "อนุทิน" นำทีม ส.ส.ภูมิใจไทยประกาศจุดยืนพรรค 6 ข้อ หนุนตั้ง ส.ส.ร.ชี้แก้จบแล้วยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ขณะที่สภาฯ จ่อเคาะวันถกวาระแรก 15 ก.ย.

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CRC (หยวนต้า) "สะสม" เป้า 38.50 บาท คาดราคาหุ้นเข้าสู่การฟื้นตัวหลังผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/63 มีโอกาสพลิกกลับเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/63 ตามการฟื้นตัวของทุกธุรกิจ ได้แก่ แฟชั่น, อาหาร, วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งมี Sentiment บวกวัคซีนโควิดคืบหน้าช่วยหนุนการฟื้นตัวของธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งเวียดนามและอิตาลี อีกทั้งมีปัจจัยบวกรออยู่หากได้เข้า FTSE All World ประกาศวันที่ 21 ส.ค. รวมทั้งคาดกำไรปี 64 โตเด่น +71% YoY เป็น 6.2 พันลบ.มี Upside จากการขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อในปั๊มบางจาก
  • ADVANC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" เป้า 225.00 บาท จากข่าวบริษัทย่อย DPC ต้องจ่ายเงินเพื่อระงับข้อพิพาทกับ กสท.กรณีการเช่าใช้เสาโทรคมนาคมประมาณ 186 ลบ.กระทบต่อผลดำเนินงานค่อนข้างน้อย เพราะวงเงินประมาณ 90 ลบ.บันทึกไปแล้วในอดีตและส่วนที่เหลือสามารถทยอยตัดจำหน่าย 5 ปีได้ ดังนั้นผลต่อไตรมาส 3/63 ค่อยข้างจำกัด หากมีแรงขายออกมาก็เป็นโอกาสซื้อสะสม เพราะ H2/63 รายได้บริการมีโอกาสกลับมาโตอย่างมีนัยสำคัญ จากฐานลูกค้า (Subscriber) และ ARPU ของทั้ง 2 ธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ประมาณการกำไรปี 63-64 ที่ 2.96 หมื่น ลบ. และ 3.2 หมื่น ลบ. -6.9%YoY, +10.7%YoY ตามลำดับ
  • CENTEL (หยวนต้า) "ซื้อ" เป้า 29.30 บาท คงมุมมองบวก คาดทยอยขาดทุนลดลงต่อเนื่องใน H2/63 หนุนจากกลุ่มอาหารฟื้นตัวได้เร็ว รวมถึงการเริ่มกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศช่วยลดผลขาดทุน และคงประมาณการปี 63 ขาดทุน 861 ล้านบาท แต่อาจมี Upside Risk จากธุรกิจกลุ่มอาหาร ซึ่งคิดเป็นราว 60% ของรายได้ทั้งหมด ฟื้นตัวดีกว่าคาด รวมถึงมีแผนเปิดสาขาเพิ่มใน H2/63 อีกราว 50-70 สาขา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ