โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) คาดการณ์ผลประกอบการจะสามารถฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรกหลังเห็นยอด Presale ขยับขึ้นในไตรมาส 2/63 โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว และมีแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่ต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่จะหนุนยอด Presale ครึ่งปีหลัง
รวมทั้งธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ ศูนย์การค้าก็เริ่มกลับมาดีขึ้น และยังได้รับส่วนแบ่งจากบริษัทลูก อาทิ HMPRO ที่กลับมาดำเนินงานตามปกติ ปัจจัยเหล่านี้ส่งโมเมมตัมที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขายสินทรัพย์ที่สหรัฐในช่วงไตรมาส 4/63
ราคาหุ้น LH ปิดภาคเช้าที่ 7.65 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET -0.69%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ทิสโก้ ซื้อ 10.60 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 9.00 ทรีนิตี้ ซื้อ 9.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 8.50 เคจีไอ ซื่อ 8.80 ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 8.30
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า LH รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/63 ที่ 1,395 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามคาด แต่น่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 63 จากที่มียอด Presales ฟื้นตัวในไตรมาส 2/63 หลังปลดล็อกดาวน์ที่จะเป็นโมเมมตัมให้ครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยว
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ฟื้นตัว และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกฟื้นตัวขึ้นมาด้วย หลังจากได้เปิดดำเนินการตามปกติ อาทิ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)
ประเมินกำไรปกติในปี 63 ที่ 6,797 ล้านบาท ลดลง 6.5% จากกำไรปกติปี 62 ที่ 7,268 ล้านบาท และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปี 64 ประมาณการกำไรปกติที่ 7,422 ล้านบาท เติบโต 9.2%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า LH เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ เพราะมีโครงสร้างบริษัทที่ค่อนข้างลดความผันผวนจากภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจครบทุกประเภท ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ อาคารสำนักงาน และกระจายไปครบทุกจังหวัดที่สำคัญ อย่างไรก็ตามรายได้ในไตรมาส 2/63 ลดลงจากผลกระทบโควิด นอกจากนี้ LH ยังมีการลงทุนในบริษัทลูก อาทิ QH, HMPRO
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรในครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 63 เท่ากับ 6.1 พันล้านบาท (ยังไม่รวมการขายอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ) ลดลงจากปี 62 ที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 7.8 พันล้านบาท (ไม่รวมการขายสินทรัพย์) นอกจากนี้ LH เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ อัตราผลตอบแทนประมาณ 5-6%ต่อปี
โดยธุรกรรมการขายในเดือน ก.ค.63 อยู่ในเกณฑ์ดี ยอด Presale คงเติบโต YoY คาดยอดขายช่วงที่เหลือของปียังมีแรงหนุนตามการเปิดขายโครงการใหม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีสินค้าคงเหลือขายในโครงการเดิมพร้อมขายมูลค่า 5.94 หมื่นล้านบาท ในการช่วยสนับสนุนต่อยอด Presale ครึ่งปีหลัง
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า LH มีการรับรู้รายได้จากโครงการประเภท Low-rise ในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนอัตรากำไร ในด้านของยอดจองเพิ่มขึ้น YoY ในเดือน ก.ค. แต่ชะลอตัวลง MoM และรายได้ค่าเช่าเป็นปัจจัยที่กดดันผลประกอบการครึ่งปีหลังจากการปิดเมือง แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการเช่ากลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงในไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป และสุดท้ายอัตรากำไรจะกลับมาดีขึ้นในครึ่งปีหลังจากส่วนลดในช่วงในไตรมาส 1/63 ที่หายไป
ส่วนการดำเนินงานของโรงแรมที่พัทยาเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าโรงแรม และห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ โดยโรงแรมของ LH ได้รับอนุญาตจากภาครัฐให้ใช้โรงแรมเป็นสถานที่กักตัวผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ทำให้อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 40-50% ใกล้เคียงกับระดับที่ทำให้การดำเนินงานกลับมาคุ้มทุนได้ โดยมีอัตราค่าห้องเฉลี่ยที่ 3 พันบาท/คืน
LH มีแผนจะขายสินทรัพย์ที่สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4/63 หลังจากที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และทำให้ผลตอบแทนมีความน่าสนใจขึ้น นอกจากนี้ อัตราการเช่าที่สูงในพื้นที่ Silicon Valley ทำให้เป็นทำเลที่น่าสนใจ แม้ว่าการดำเนินงานที่ US จะขาดทุนมาตลอดก็ตาม แต่ได้ประโยชน์จากผลทางภาษี และคาดว่าการเปิดสาขา Terminal พระราม 3 ในช่วงปลายปีจะเป็นปัจจัยบวก
บริษัทมียอดการซื้อที่ดินเพียง 2.5 พันล้านบาท จากงบ 4 พันล้านบาท เนื่องจากผลของโควิด-19 แต่ผู้บริหารคาดว่าการซื้อที่ดินจะกลับมาเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังและปัจจุบัน LH มีที่ดินเพียงพอที่จะเปิดตัวโครงการในปีหน้า และในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการ 7 แห่งมูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท และครึ่งปีหลังต่ออีก 15 โครงการ รวมทั้งปี 2.8 หมื่นล้านบาท
โดยปัจจัยบวก คือ 1) ยอดการเปิดตัวโครงการ Low-rise 2) มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูก และ 3) กำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT แต่มีความเสี่ยงคือ ผลประกอบการที่แย่กว่าคาด, สักส่วนคอนโดที่ลดลง และสต็อคที่เพิ่มขึ้น
ผลประกอบการของ LH ในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 1.39 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% QoQ แต่ลดลง 25% YoY ดีกว่าที่ทิสโก้และตลาดคาด 8% หากไม่รวมผลของภาษีรายการพิเศษจะอยู่ที่ 34 ล้านบาท ทำให้กำไรจากการดำเนินงานดีกว่าคาดไว้ โดยมีรายได้อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY หนุนโดยโครงการประเภท Low-rise แต่ในด้านส่วนแบ่งกำไรจากจากเงินลงทุนและค่าเช่าอ่อนแอกว่าที่คาดจากผลของโควิด-19 ด้านอัตรากำไรขั้นต้นลดลง YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาด
ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 อยู่ที่ 33% จากประมาณการทั้งปี ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.20 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ส.ค.
ขณะที่ยอดจองของโครงการ Low-rise ยังดีสำหรับ LH แต่การดำเนินงานด้านอื่น เช่น ค่าเช่ากลับมาอ่อนแอลง โดยที่ LHFG มีการดำเนินงานที่อ่อนแอลงเช่นเดียวกับ HMPRO แต่อย่างไรก็ตาม ยอดจองของ LH ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% YoY หนุนโดยโครงการ Low-rise และยอดจองในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 49% จากประมาณการทั้งปี