นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทได้รับอานิสงส์จากการเข้ามาของเทคโนโลยี 5G ในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งการเปิดตัวของสินค้าใหม่ช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจของทุกปี พร้อมทั้งการขยายพอร์ตนำสินค้าที่มีศักยภาพเข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าตลาดสินค้าไอทีน่าจะยังดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวแคมเปญ "Synnex Double Protection" มอบความคุ้มครองพิเศษให้กับลูกค้า โดยให้ระยะเวลารับประกันสินค้าเพิ่มอีก 1 เดือน และมอบประกันอุบัติเหตุคุ้มครองโดย AIG เมื่อซื้อสินค้าที่มีสัญลักษณ์ Trusted by SYNNEX เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและพันธมิตร เพิ่มความครบวงจรทั้งบริการก่อนและหลังการขาย สร้างความแตกต่าง และตอกย้ำในฐานะผู้นำในตลาดนี้
"ปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แม้สถานการณ์ของโควิด-19 จะกระทบภาพรวมธุรกิจในประเทศไทย แต่สินค้าไอทียังเติบโตและมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นนิวนอร์มอลที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น หลังจากนี้ ซินเน็คฯ มองแนวโน้มครึ่งปีหลังได้รับปัจจัยบวกจาก 5G เข้ามาสนับสนุน สินค้าใหม่จะทยอยเปิดตัว และเชื่อจะได้รับการตอบรับต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า"นางสาวสุธิดา กล่าว
นางสาวสุธิดา กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินในช่วงไตรมาส 2/63 เติบโตอย่างโดดเด่น แม้อยู่ในท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่พิสูจน์แล้วว่าธุรกิจไอทีและเทคโนโลยีมีความจำเป็น และเป็นที่ต้องการสูงในช่วงเวลาดังกล่าว ซินเน็คฯ ในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีอันดับหนึ่งของไทย มีความพร้อมในการนำเสนอสินค้าและบริการทุกช่องทาง ควบคู่การบริหารจัดการภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลประกอบการที่ออกมาเติบโตอย่างน่าประทับใจได้
โดยในงวดไตรมาส 2/63 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายและให้บริการ 8,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรขั้นต้น 384 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เนื่องจากการเติบโตจากยอดขายของสินค้าในกลุ่มสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสาร กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และกลุ่นสินค้าเกมมิ่ง ตลอดจนการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความต้องการของตลาด รวมถึงการให้บริการเต็มรูปแบบทั้งก่อนและหลังการขายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
ส่งผลให้รายได้และผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงกลางไตรมาส จากความต้องการสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการทำงาน และใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งด้านการจัดจำหน่ายและการบริหาร โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและสร้างโอกาสการเจริญเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนของปี 63 มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 16,024 ล้านบาท ลดลง 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ยอดขายฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสสองภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 298 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.7% จากงวดปีก่อน
"ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/63 สินค้าไอทีได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Work From Home ได้แก่ Notebook, iPad, อุปกรณ์ Home Networking และ VDO จากสถานการณ์โควิด-19 กระตุ้นความต้องการซื้อ ควบคู่กับยอดขายออนไลน์ที่บริษัทเป็น official store ให้กับหลากหลายแบรนด์ชั้นนำเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการจัดจำหน่ายสินค้าครบวงจร พร้อมบริการหลังการขาย และความสามารถในการทำกำไรที่ดี รวมถึง สัดส่วนรายได้จากสินค้า Apple เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดเกมในประเทศไทยยังคงเติบโตได้ร้อนแรง ซินเน็คฯ ได้ขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มเกมมิ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ แบรนด์ Razer และ EPOS สนับสนุนให้บริษัท เป็นผู้นำตลาดเกมมิ่งที่ครองมาร์เก็ตแชร์ในพอร์ตเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครวมกับเกมมิ่งเกียร์เบอร์ 1 ในประเทศ"นางสาวสุธิดา กล่าว