นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างฟื้นตัวตามตลาดสหรัฐฯที่บวกได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแม้จะบวกเพียงเล็กน้อย และตลาดบ้านเรายังปิดในระดับที่ต่ำกว่า 1,300 จุด
ทั้งนี้ตลาดฯคงจะรีบาวด์ไปได้ไม่ไกล เนื่องจากยังต้องรอดูการปรับประมาณการของบริษัทจดทะเบียนก่อน หลังจากที่ได้มีการประกาศผลประกอบการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายโบรกเกอร์ที่ได้มีการปรับประมาณการกันแล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องรอดูการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ๊คสัน โฮล ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ส.ค.นี้ ซึ่งให้ติดตามนโยบายการเงิน อีกทั้งฟุตซี่ได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยแล้ว ซึ่งตามข่าวที่ออกมาก็มีหุ้น CRC, BGRIM และ BBL ได้เข้าไปอยู่ในการคำนวณ และจะมีผลบังคับใช้ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรได้ รวมทั้งให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,290 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,930.33 จุด เพิ่มขึ้น 190.60 จุด (+0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,397.16 จุด เพิ่มขึ้น 11.65 จุด (+0.34%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,311.80 จุด เพิ่มขึ้น 46.85 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 7.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 238.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.43 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ส.ค.63) 1,299.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด (+0.19%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 231.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ส.ค.63) ปิดที่ 42.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 48 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ส.ค.) อยู่ที่ 0.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.55 ตลาดรอติดตามตัวเลขส่งออก-สถานการณ์การเมืองในปท. ให้กรอบวันนี้ 31.45-31.65
- นักเศรษฐศาสตร์ ห่วงม็อบลากยาวฉุดลงทุนชะงัก กระทบเศรษฐกิจ หวั่นนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น โยกลงทุนประเทศอื่น ย้ำไทยไม่ใช่ตัวเลือกเดียวเหมือนอดีต แต่เชื่อระยะสั้นยังไร้ผลกระทบ เหตุพิษโควิดทำนักท่องเที่ยว-นักลงทุนเดินทางไม่ได้อยู่แล้ว หวังทุกฝ่ายหาข้อสรุปที่ดีร่วมกันได้ ด้าน "นักวิเคราะห์'" ยอมรับมีผลต่อ "ตลาดหุ้น-ค่าเงินบาท" หลังพบต่างชาติเริ่มเทขายหนักทั้งใน ตลาดหุ้น-บอนด์
- ธปท.ยืนยันฐานะการดำเนินงานและเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งยังมีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับวิกฤตในระดับที่รุนแรงได้ หลังกันสำรองเข้มงวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมดูแลลูกหนี้ช่วงโควิด-19 ป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียเพิ่ม หลัง "รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์" ศาสตราภิชาน ธรรมศาสตร์ ระบุเศรษฐกิจแย่อาจต้องใช้เวลาแก้ถึง 5 ปี และมีอย่างน้อย 3 แบงก์จ่อล้ม
- "โควิด" ทุบกำไร บจ.ครึ่งปีแรกลดลง 58% ตามยอดขายที่ลดลงกว่า 13% ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อทุน ขยายตัวแตะ 1.57% "แมนพงศ์" ชี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หนุนกลุ่มไอที-สื่อสารเกษตรและอาหารเติบโตสวนทาง
- คลังรับแผนรีดรายได้ปีงบ 63 หลุดเป้าหมายไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท คาดปีงบ 64 จัดเก็บยังไม่ฟื้น หลังโควิด-19 กระทบอ่วม ด้านธปท.การันตีฐานะการดำเนินงานและเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่ง รับมือวิกฤติโควิด-19 และเศรษฐกิจได้
- "บีทีเอส" ยื่นหนังสือ รฟม.ค้านเปลี่ยนเงื่อนไขพิจารณาซองเทคนิคกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชี้เป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใสและอาจขัดต่อกฎกระทรวงการคลังในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 18 บาท แนวโน้มกำไร H2/63 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจทูน่ากระป๋องที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่การ Reopen ทำให้ร้านอาหาร Red Lobster ขาดทุนลดลง และมี Tax Credit ช่วย พร้อมคาดกำไรปกติปี 2563-2564 เติบโตเฉลี่ยราว +10% ต่อปี และเป็นสินค้าจำเป็นซึ่งถือว่ามีความ Defensive ส่วนด้านเทคนิคยืนเหนือแนวต้าน 14 บาทได้เป็น Sentiment เชิงบวก
- CK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท คาดกำไร H2/63 ฟื้นตัวจากบริษัทลูกอย่าง BEM CKP และ TTW ที่ฟื้น ขณะที่ธุรกิจรับเหมาคาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากงานประมูลภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาหน่าแน่นในช่วงที่เหลือของปีรวม 3 แสนลบ. (รถไฟฟ้าสายสีส้มและม่วง รถไฟทางคู่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำมนลาว) ซึ่งคาดว่า CK จะได้งานและหนุน Backlog ให้แตะ 1 แสนฃล.อีกครั้ง
- SINGER (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 17.7 บาท กำไรสุทธิ Q2/63 โตเท่าตัว แนวโน้ม H2/63 ยังโตต่อจากแรงหนุนในทุกธุรกิจ, การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าปิดห้างไม่กระทบเพราะมีคนขายตามจุดย่อยในทุกอำเภอ, HP แบงก์ชาติคลุมดอกเบี้ยไม่กระทบเพราะยังคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราต่ำ