นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 63 ยังจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 20% จากแผนธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ มุ่งเน้นความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจ และได้รับงานซ่อมเรือเป็นหลัก ขณะที่งานต่อเรือยังมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานต่อเรือเก็บขยะของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรือโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าของ บจก.ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ซ และเรือกำจัดผักตบชวาของหน่วยงานราชการ และมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการต่อเรือของภาครัฐบาล เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 3.81 ล้านบาท พลิกสถานการณ์จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 5.82 ล้านบาท
บริษัทมีรายได้รวม 109.04 ล้านบาท เป็นรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 มาจากงานซ่อมเรือ 93.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.05 ล้านบาท เนื่องจากสาขาสมุทรปราการและสุราษฎร์ธานีมีการรับงานซ่อมเรือมากขึ้น โดยมีงานซ่อมเรือราชการที่มีมูลค่าสูงทั้ง 2 สาขา ซึ่งไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบบางส่วนจากลูกค้าบางรายที่เลื่อนเวลาเข้าซ่อมเรือจากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากงานต่อเรือ 14.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 10.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 251.92% โดยเป็นรายได้จากการต่อเรือโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าจำนวน 5 ลำ และโครงการต่อเรือเก็บขยะ 1 ลำ
"รายได้ครึ่งปีแรกส่งสัญญาณการฟื้นตัวของบริษัทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างชัดเจน โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 14.78 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 4.76 ล้านบาท ทางทีมบริหารเชื่อว่าทั้งปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามเป้า 20% จากปี 62 และสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นซึ่งจะส่งผลต่อกำไรสุทธิบริษัท แม้ว่าช่วงไตรมาส 2/63 เริ่มได้รับผลกระทบบ้างจากสถานการณ์โควิด-19" นายสุรเดช กล่าว