นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจถ่านหิน ที่คาดว่าราคาขายจะปรับตัวขึ้นมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ 40-50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน หลังจากที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จากมาตรการสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาเดินสายการผลิตได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินกลับมาเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซียมีแนวโน้มลดลง
ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็ได้รับปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์เช่นเดียวกัน ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซฯเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับมาได้ค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้กิจจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ กลับมาดำเนินงานตามปกติ ส่งผลให้แนวโน้มราคาขายของก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นจากระดับในครึ่งปีแรกที่ 2.4-2.5 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯในแหล่งบาร์เน็ตเข้ามาเต็มไตรมาส หลังจากตัดสินใจเลื่อนการเข้าซื้อเสร็จสิ้นเร็วขึ้นมาเป็นวันที่ 1 ต.ค. 63 จากเดิมที่คาดว่าจะเข้าซื้อเสร็จสิ้นวันที่ 31 ธ.ค. 63 เพราะบริษัทมองเห็นถึงโอกาสของราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 63 จะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก เพราะในครึ่งปีหลังมีโรงไฟฟ้าที่เตรียมจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มอีก 428 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า SLG ในจีน ,โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น 2 แห่ง , โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม รวมถึงโรงไฟฟ้าหงสา ในลาวที่กลับมาเดินเครื่องผลิต หลังจากปิดซ่อมบำรุงหน่วยที่ 3 ไปก่อนหน้านี้