บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.90 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่าการเสนอขาย 285 ล้านบาท ระยะเวลาจองซื้อในวันที่ 27, 28 และ 31 สิงหาคม 2563 และวันที่ 1 กันยายน 2563 โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้
การเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็น การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 15,000,000 หุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลที่มีความสัมพันธ์ และ/หรือ พนักงานของบริษัทฯ , เสนอขายจำนวน 22,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น 15% ให้แก่ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และเสนอขายจำนวน 112,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น 75% ตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายมีข้อตกลงไม่รับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ (Best Effort) จำนวน 129,000,000 หุ้น แต่มีข้อตกลงในการรับประกันผลการจัดจำหน่ายอย่างแน่นอนทั้งจำนวน (Firm Underwriting) จำนวน 21,000,000 หุ้น
SCM ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคในรูปแบบเครือข่ายผ่านนักธุรกิจในประเทศและตัวแทนจัดจำหน่ายต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.1) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 1.3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว 1.4) กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน 1.5) กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 1.6) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
2.กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd. (SPM) เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศ และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง
และ 3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) และน้องใหม่ บริษัท เอสซีเอ็ม อินโนเวทีฟ จำกัด (SMI) ที่เป็นบริษัทที่ SCM เข้าลงทุนในช่วงเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมา โดยจะดำเนินการจัดตั้งเป็นโรงงานผลิตสินค้าเฉพาะภายในกลุ่มบริษัท
บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้สำหรับแผนการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า สอดรับกระแสผู้บริโภคในยุค New Normal และสังคม Aging Society ที่คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต