นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน โดยเฉพาะตลาดของประเทศพัฒนาแล้วจะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดในแถบอาเซียนที่บวกเล็กน้อย ขานรับปัจจัยบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯที่ดีขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 4 หมื่นคน/วัน และสหรัฐฯยังใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย
นอกจากนี้สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ดูจะผ่อนคลายขึ้น หลังจากที่ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯได้ออกมาว่า มีความคืบหน้าข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน และยังดำเนินการตามข้อตกลงทางการค้าอยู่ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนผ่อนคลาย
ส่วนบ้านเราดัชนี SET ได้ยืนเหนือระดับ 1,310 จุด ทำให้สัญญาณทางเทคนิคเป็นบวก อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในวันนี้ โดยให้ติดตามแผนคืบหน้าการลงทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
พร้อมให้แนวรับ 1,310 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330-1,332 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,308.46 จุด เพิ่มขึ้น 378.13 จุด (+1.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,431.28 จุด เพิ่มขึ้น 34.12 จุด (+1.00%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.72 จุด เพิ่มขึ้น 67.92 จุด (+0.60%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 257.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 35.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 59.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.23 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ส.ค.63) 1,317.11 จุด เพิ่มขึ้น 17.85 จุด (+1.37%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 146.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ส.ค.63) ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.66%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ส.ค.) อยู่ที่ 0.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.50/52 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน, การเลือกตั้งสหรัฐฯ
- สถาบันคุ้มครองเงินฝากมั่นใจระบบ "แบงก์ไทย" แข็งแกร่ง สะท้อนผ่านเงินกองทุนที่เข้มแข็ง สภาพคล่องสูง อีกทั้ง "ดีพีเอ" ยังมีเงินสะสมไว้ดูแลกว่า 1.29 แสนล้าน รองรับกรณีฉุกเฉินได้ ด้าน "นักเศรษฐศาสตร์" มั่นใจ "กันชน" แบงก์ปึ้กรับมือกรณีเกิดปัญหาได้
- ก.พลังงานเร่งหารือกลุ่ม ปตท.-กฟผ.คิดโครงการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่สนองนโยบาย'สุพัฒนพงษ์' ปรับโครงการเงินกู้มิยาซาวาปี 40 มาใช้ ประเดิมใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานปีงบประมาณ 63 ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท อัดฉีด ชี้นักศึกษาจบใหม่จะได้รับการอบรมพลังงานก่อนออกไปให้ความรู้ประชาชน สำรวจพื้นที่ หวังเป็นบิ๊กดาต้าด้านพลังงานเชิงลึกครั้งแรกของประเทศ
- นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปี 2563 มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย จำนวน 691 บริษัท หรือคิดเป็น 95.4% จากทั้งหมด 724 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือเอ็นซี และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือเอ็นพีจี) นำส่งผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปี 2563 และไตรมาส 2/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พบว่า บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 456 บริษัท สัดส่วนคิดเป็น 66.0% ของ บจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
- "สุริยะ" จ่อชง ครม.เคาะลดภาษีเงินได้ให้ผู้บริโภคที่ซื้อรถป้ายแดง ถกหามาตรการหนุนลงทุนอุตฯ ยานยนต์เพิ่ม
- น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ากระทรวงพาณิชย์ (สนค.) เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าเดือน ก.ค.63 มีมูลค่า 18,819.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 11.37% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 15,476.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 26.38% จึงเกินดุลการค้า 3,343.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2563 การส่งออกมีมูลค่ารวม 133,162.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 7.72% การนำเข้ามีมูลค่ารวม 119,118.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 14.69% และเกินดุลการค้า 14,044.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
*หุ้นเด่นวันนี้
- OSP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q2/63 และการฟื้นตัวเป็นลักษณะ V-Shape ในครึ่งปีหลังจาก Demand ที่ฟื้นตัว การรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มเต็มไตรมาส และภาษีสรรพสามิตสำหรับ Functional Drink ที่ลดลง พร้อมคาดกำไรปี 2563-2564 +21% Y-Y และ +13% Y-Y ตามลำดับ โดย H2/63 คาดกำไรโตแรงกว่า CBG ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard และ Valuation ซื้อขายที่ 2564PER ราว 27 เท่า ถูกกว่า CBG ที่ 29 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในดีตที่ 30-35 เท่า
- TASCO (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าสูงสุด IAA Consensus 31 บาท คาดทิศทางผลกำไรใน Q3/63 ยังโตต่อ น้ำท่วมหนักในจีนหนุนดีมานด์เพิ่มขึ้น ขณะที่ Supply ในตลาดมีจำกัดปัจจัยนี้จะหนุนให้ราคายางมะตอยเพิ่มขึ้นแรง (TASCO ส่งออกยางมะตอยไปจีนคิดเป็น 40%)