นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DTC) ประกาศแผนการขยายธุรกิจในประเทศอินเดีย เน้นตลาดท่องเที่ยวระดับบนด้วยโมเดลรับจ้างบริหารและแฟรนไชส์ในเมืองหลักและเมืองรอง เช่น มุมไบ, เดลี, และบังกาลอร์ คาดสามารถปิดดีลอีก 4 แห่งใน 12 เดือนข้างหน้า โดยวางแผนเปิดโรงแรมปีละ 2 แห่งเริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ล่าสุดลงนามในสัญญาแฟรนไชส์กับเจนกรุ๊ป (Jain Group) กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการเงินชั้นนำในอินเดีย เพื่อเตรียมเข้าบริหารโรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา คาดเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2/65
นางศุภจี กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะนำมาซึ่งความเสียหายและสร้างความท้าทายอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการทั่วโลก แต่กลุ่มดุสิตธานียังคงมั่นใจว่าอุตสาหกรรมโรงแรมจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และคาดว่าอินเดียจะกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการท่องเที่ยวระหว่างประเทศและในประเทศในวันที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมสดใสกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่า การขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศอินเดียของกลุ่มดุสิตธานีในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับนักลงทุนของเรา
โรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลทองใกล้พื้นที่สีเขียวของอีโค่ พาร์ค (Eco Park) สามารถขับรถยนต์เพียงแค่ 5 นาทีจากใจกลางเมืองและสนามบิน อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินคาแล็คชีตรา (Kalakshetra) เพียง 1 นาทีเท่านั้น โดยภายในโรงแรมประกอบด้วย ห้องสวีทขนาดใหญ่แบบ 3 ห้องนอน จำนวนทั้งสิ้น 42 ยูนิต เหมาะสำหรับทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักระยะยาว มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องอาหาร ฟิตเนสและศูนย์สุขภาพ ห้องจัดเลี้ยงและห้องประชุมสำหรับงานเล็กและงานระดับกลาง
"หากมองในแง่ของวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว ประเทศอินเดียและประเทศไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ขณะที่แบรนด์ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะแบรนด์เอเชียก็เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ท มายาวนานกว่า 70 ปี อีกทั้งแบรนด์เดวาราณาของกลุ่มดุสิตเคยเป็นที่รู้จักในกรุงเดลลีประเทศอินเดียมาแล้วในช่วงปี 2551-2559 ในฐานะแบรนด์ลักซูรี่ระดับบน จึงทำให้แบรนด์ดุสิตเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของกิจการโรงแรมในอินเดีย" นางศุภจีกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศอินเดียเป็น 1 ใน 7 ของตลาดชั้นนำของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทั่วโลก โดยปัจจุบันนี้ ชนชั้นกลางในประเทศอินเดียนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว จนคาดว่าจะมีจำนวนถึง 583 ล้านคนหรือ 41% ของประชากรอินเดียภายในปี 2568 กลุ่มดุสิตจึงมองเห็นศักยภาพในการสร้างแบรนด์ระดับหรูและระดับกลางในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ กลยุทธ์การขยายธุรกิจในอินเดียคือการเลือกแบรนด์โรงแรมที่มีคุณภาพ ทั้งดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตดีทู เพื่อช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่ของนักลงทุนหรือเจ้าของกิจการ โดยหนึ่งในตัวอย่างของดีลที่คาดว่า จะปิดได้เร็วๆ นี้ คือ การนำปราสาทเก่าแก่มาทำเป็นโรงแรมระดับหรู โดยกลุ่มดุสิตตั้งใจที่จะนำรูปแบบการให้บริการแบบไทย มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอินเดีย เพื่อสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่มีระดับให้กับลูกค้าและมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับชุมชนรอบข้าง
ด้าน นายเชรียอานส์ เจน (Shrayans Jain) รองประธานเจนกรุ๊ป กล่าวว่า การใช้ชีวิตแนว New Normal ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักเดินทางชาวอินเดียมองหาแบรนด์ที่ไว้วางใจได้ มีความปลอดภัย และความสะดวกสบายในระดับสูง กลุ่มดุสิตมีประสบการณ์มากกว่า 7 ทศวรรษในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในจุดหมายปลายทางสำคัญๆ ทั่วโลก และยังมีชื่อเสียงอันเยี่ยมยอดที่อินเดียในด้านคุณภาพงานบริการ เจนกรุ๊ปจึงเชื่อมั่นว่า ด้วยการผนึกความร่วมมือที่สำคัญในครั้งนี้ จะทำให้โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา จะอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ และเราหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและประสบความสำเร็จไปด้วยกันกับกลุ่มดุสิตธานี