นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) กล่าวในงานสัมมนาตลาดหุ้น "จับสัญญาณหุ้นไทย หลังโควิด" ในหัวข้อ "หุ้นเด็ด รับอานิสงส์โควิด"ว่า บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าซื้อหนี้เสียที่จะออกมาเพิ่มมากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ โดยเพาะช่วงหลังจากมาตรการพักชำระหนี้และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดลงในช่วง ต.ค.นี้ ซึ่งที่ผ่านมา BAM ได้ขออนุมัติวงเงินเสนอขายหุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นไม่เกิน 25,000 ล้านบาทในช่วงปี 63-64 เพื่อรองรับการซื้อเข้ามาเพิ่ม รวมถึงยังมีกระแสเงินรับในครึ่งปีหลัง และมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ด้วย
ปัจจุบันมีสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท โดยมีจำนวนบัญชีที่เข้าสู่กระบวนการพักหนี้-พักดอก ของทางภาครัฐทั้งหมดอยู่ที่ 12.8 ล้านบัญชี และมีภาระหนี้ประมาณ 6.88 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 40% ของสินเชื่อรวม โดยหากสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือพักหนี้และดอกเบี้ยในเดือนต.ค.นี้ ก็มีความกังวลว่าจะมี NPL เกิดขึ้น โดยมีการประเมินว่าจะมี NPL หรือมีผู้ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้เข้าสู่ระบบราว 20-25% หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับ NPL ที่มีอยู่ในระบบเดิมจะส่งผลทำให้มี NPL เพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท จากสินเชื่อทั้งหมด 15 ล้านล้านบาท
โดยบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าไปซื้อเพิ่ม จากปัจจุบันมียอดคงค้าง NPL ประมาณ 4.7 แสนล้านบาทและสินทรัพย์รอการขาย (NPA) อีก 6.2 หมื่นล้านบาท และแม้เป็นเรื่องที่หนักใจ แต่เชื่อว่าภาระนี้จะไม่หนักมาก เนื่องจากปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ถือว่ามีความแข็งแกร่งอย่างมาก และยังมีบริษัทที่สามารถรองรับหนี้เสียจากธนาคารพาณิชย์อยู่หลายบริษัท
นอกจากนี้ BAM อยู่ระหว่างศึกษาการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน และการบริหารทรัพย์สินที่มีศักยภาพ เช่น การจับมือร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการในที่ดินว่างเปล่าของบริษัทที่ประมูลมาได้ คาดว่าจะช่วยสร้างกำไรและผลตอบแทนที่สูงกว่าการดำเนินการขายที่ดินแบบปกติทั่วไป