(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 15.69 จุด แต่ฟื้นตัวจากการร่วงหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 17, 2007 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) โดยดัชนีสามารถฟื้นตัวขึ้นหลังจากทรุดตัวลงกว่า 340 จุดในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มได้ส่งแรงซื้อเก็งกำไรเข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ ได้ช่วยพยุงตลาดไว้ไม่ให้ดิ่งลงรุนแรง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์รูดลง 15.69 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 12,845.78 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวกขึ้น 4.57 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 1,411.27 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 7.76 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 2,451.07 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กหนาแน่นสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5.73 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 5 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 3.73 พันล้านหุ้น
นายแจ็ค แอ็บลิน นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์กล่าวว่า "กลุ่มผู้ซื้อเริ่มกลับเข้าตลาด ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนกลุ่มอื่นๆเริ่มมองว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงหนักเกินไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมุมมองเช่นนี้ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มการเงินที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องจากปัญหาตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์ในสหรัฐ"
"เรามองว่าภาวะตึงเครียดในตลาดเริ่มคลี่คลายลง หลังจากตลาดได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการที่บริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ร่วงลงอย่างรุนแรง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจซับไพรม์ ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลลงบ้าง" นายแอ็บลินกล่าว
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมเดือนหน้า เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ หลังจากที่เฟดได้ยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ซึ่งทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเคลื่อนไหวตาม
อย่างไรก็ตาม นายวิลเลียม โพลล์ ผู้ว่าการเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กหลังจากตลาดปิดทำการว่า "ยังไม่มีความจำเป็นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นก่อนการประชุมเดือนหน้า"
ทั้งนี้ หุ้นคันทรีไวด์ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทได้กู้ยืมเงินมูลค่า 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารพาณิชย์ 40 แห่งเพื่อนำมาพยุงธุรกิจปล่อยกู้จำนองในตลาดซับไพรม์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าสถานะการเงินของคันทรีไวด์เข้าขั้นวิกฤติ
ขณะที่หุ้นแบร์สเติร์นส ทะยานขึ้น 12.9% หลังจากบริษัทยืนยันว่าจะลดจำนวนพนักงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการในตลาดซับไพรม์ลง 240 อัตรา จากจำนวน 15,000 อัตรา ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 3% แม้โกลด์แมน แซคส์ยอมรับว่าเฮดจ์ฟันด์ที่บริษัทดูแลอยู่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ