นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัทรับปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของบริษัทในปีนี้จะลดลง 60% หรืออยู่ที่ราว 2,457 ล้านลิตร จากเดิมที่คาดว่าจะลดลง 58% หรือราว 2,585 ล้านลิตร จากปีก่อนที่มีปริมาณการเติมน้ำมันที่ระดับ 6,139 ล้านลิตร โดยในช่วงที่ผ่านมายังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการปิดน่านฟ้า แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าปริมาณการเติมจะพื้นตัวได้ค่อนข้างดีจากเที่ยวบินในประเทศที่กลับมาให้บริการได้ แต่ก็ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
นอกจากนั้น หลังจากนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การบินว่าจะมีการเปิดให้มีการบินระหว่างประเทศและให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทยได้เมื่อใด เพราะจะส่งผลให้เที่ยวบินเพิ่มขึ้นและปริมาณการเติมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ซึ่งต้องติดตามมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐจะประกาศออกมา ทั้งนี้ บริษัทยังได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง อาทิ ค่าล่วงเวลาของพนักงาน ค่าตอบแทน และสวัสดิการพนักงานเป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกันบริษัทได้เน้นการบริหารจัดการเงินสดให้เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ตามกำหนดเวลา โดยบริษัทได้สำรองเงินทุนหมุนเวียนในระดับสูง พร้อมทั้งจัดให้มีวงเงินหมุนเวียนสำรองระยะเวลา 2 ปีที่ยังไม่ได้เบิกใช้กับสถาบันทางการเงินอยู่ราว 2,000 ล้านบาท ด้านหม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% ปัจจุบันยังคงเดินหน้าเจรจาเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพและเป็นโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว เพื่อที่จะรับรู้รายได้เข้ามาทันที คาดว่าจะสรุปการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเดือน พ.ย.นี้ 1 โครงการ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดหวังจะสร้างรายได้ 340 ล้านบาทต่อปี ในส่วนของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75% คาดว่าจะการก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน เฟส 2 จังหวัดพิจิตร-จังหวัดลำปางจะเปิดให้บริการตามแผนในปี 64 โดยปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 96% แล้ว และจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 65