นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะเติบโตจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 5,772.67 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 623.34 ล้านบาท เป็นไปตามยอดขายวิตามินแบรนด์ Mega We Care, Maxxcare ในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตลาดในประเทศเติบโตได้จากการที่ร้านขายยาในห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว จากการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังได้รับอานิสงส์จากการใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภคมากขึ้น ส่วนในต่างประเทศ เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย คาดว่ายอดขายจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
บริษัทยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ แม้จะมีข่าวการระบาดรอบ 2 ในบางประเทศ เนื่องจากยายังเป็นสินค้าที่สามารถนำเข้าส่งออกได้เป็นปกติ
นายวิเวก กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เชื่อมั่นว่ารายได้ปี 63 จะยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5-10% และในภายใน 5 ปีนับจากปี 62 จะเติบโตเป็น 2 เท่า จากความต้องการสินค้าประเภทวิตามินและยาสามัญที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มองว่าบริษัทยังมีโอกาสขยายตลาดต่างประเทศได้อีกมากผ่านการทำการตลาดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้มากขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัท PT Futamed Pharmaceuticals ในอินโดนีเซีย ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตยา หรือการทำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพ โดยซื้อหุ้น 83.33% ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการรวมบริษัทย่อยเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อใหม่ สร้างสำนักงานใหม่ รวมถึงขยายโรงงานและลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม พร้อมทั้งขึ้นทะเบียนยา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 64 และน่าจะใช้เวลาใน 3-4 ปีจึงจะเห็นผลกำไร เบื้องต้นบริษัทคาดการณ์ว่าน่าจะมีรายได้และกำไรจากตลาดอินโดนีเซียราว 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า