บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบมจ. อาร์ ซี แอล (RCL) ที่ระดับ “A-" พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท (RCL096A) ที่ระดับ “BBB+" พร้อมแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาคอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในเรื่องขนาดของกองเรือ ความถี่ในการให้บริการและอายุเฉลี่ยของกองเรือ รวมทั้งสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและแนวโน้มของความต้องการการขนส่งสินค้าทางทะเลโดยใช้ตู้สินค้าหรือตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ความผันผวนของธุรกิจขนส่งทางเรือ การแข่งขันที่รุนแรง และแนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำตลาดและฐานะทางการเงินในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงที่อุตสาหกรรมการขนส่งทางเรืออยู่ในช่วงวงจรขาลง นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความมีวินัยของผู้บริหารของบริษัทในการบริหารกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินธุรกิจไปใช้ลงทุนขยายกิจการและจ่ายเงินปันผลแทนการใช้เงินกู้ยืม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า RCL เป็นผู้ประกอบการกองเรือสินค้าขนาดเล็ก หรือเรือฟีดเดอร์ (Feeder Business) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนในท้องถิ่นของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งสูงที่สุดในตลาดเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก
บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ 30 รายที่มีกองเรือขนาดใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีระวางบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 49,758 ตู้ (TEU) โดยมีเรือของตนเองจำนวน 32 ลำ และมีเรือที่เช่าระวาง 9 ลำ การที่บริษัทมีกองเรือเป็นของตนเองเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้ง่ายต่อการจัดตารางเวลาและความถี่ในการให้บริการ ในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นมีกองเรือที่มีขนาดเล็ก การมีกองเรือที่มีขนาดใหญ่กว่าจึงทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการให้บริการที่มีความถี่สูง
นอกจากนี้ เรือส่วนใหญ่ของบริษัทยังมีอายุน้อยคือมีอายุเฉลี่ยประมาณ 10 ปี จึงทำให้บริษัทได้ประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดน้ำมันและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำ
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีลักษณะเป็นวงจรที่ขึ้นและลงเป็นอย่างมาก ซึ่งจะกินเวลารอบละประมาณ 5-6 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ เริ่มมีรอบเวลาสั้นลง อัตราค่าระวางมีความผันผวนและเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะกำหนดเวลาในการสั่งต่อเรือใหม่ให้พอดีกับช่วงวงจรขาขึ้นของธุรกิจ อุปสงค์ของธุรกิจการเดินเรือเกี่ยวเนื่องเป็นอย่างมากกับภาวะเศรษฐกิจและการค้า โดยที่ภาวะเศรษฐกิจโลกจะมีผลกระทบต่อธุรกิจเรือเดินสมุทรระหว่างทวีป (Liner Business) ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคเอเซียเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจกองเรือฟีดเดอร์
อัตราค่าระวางของธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงปี 2547-2548 อย่างไรก็ตาม วงจรธุรกิจได้เริ่มปรับตัวลดลงในปี 2549 แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2551 อัตรากำไรของ RCL ปรับตัวลดลงในปี 2549 เนื่องจากอัตราค่าระวางที่ปรับลดลงในขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท (ก่อนปรับค่าเช่าดำเนินงานระยะสั้น) อยู่ที่ 34.5%
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้ค่าระวางเรือลดลงจาก 9,999 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 มาเป็น 9,643 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ลดลงจาก 19.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 มาเป็น 18.7% ในช่วงเดียวกันของปี 2550
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--