นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน เช่นเดีวกับดาวโจนส์ที่บวกไปกว่า 100 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยังบวกได้ดี ทั้งนี้เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดแรงหนุนในการเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยง
โดยหลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงถึงการเปิดทางให้เงินเฟ้อมีโอกาสสูงขึ้นมากกว่าเดิม ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังไม่รีบปรับขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแสดงทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดีกว่าตลาดคาดด้วย ทั้งนี้เช้านี้สกุลเงินในเอเชียต่างแข็งค่าขึ้น ทำให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในเอเชีย แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยด้วยหรือไม่ โดยอัตราผลอตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของไทยก็พุ่งขึ้นด้วย ซึ่งเป็นแรงขายบอนด์ออกมา แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะเข้ามาซื้อหุ้นหรือไม่
นอกจากนี้การปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ซึ่งมีผลในวันนี้ โดยหุ้นไทยถูกปรับน้ำหนักลง 22 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้อาจได้เห็นวอลุ่มเทรดโป่งได้ในช่วงท้ายตลาด และให้ติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ ในเรื่องการชุมนุมทางการเมือง
พร้อมให้แนวรับ 1,320-1,315 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330-1,337 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,653.87 จุด เพิ่มขึ้น 161.60 จุด (+0.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,508.01 จุด เพิ่มขึ้น 23.46 จุด (+0.67%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,695.63 จุด เพิ่มขึ้น 70.30 จุด (+0.60%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 264.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 310.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 23.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.81 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ส.ค.63) 1,323.31 จุด ลดลง 3.50 จุด (-0.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,815.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ส.ค.63) ปิดที่ 42.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ส.ค.) อยู่ที่ -0.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.07 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน ตลาดจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้กรอบวันนี้ 31.00-31.15
- สมาคมโฆษณาดิจิทัลชี้ ปี 63 สื่อโฆษณาดิจิทัลโตดีเกินคาด แม้โควิดฉุดภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาแสนล้านวูบรอบ 20 ปี แต่สื่อดิจิทัลคาดยังโต 0.5% แพลตฟอร์ม "เสริช-วิดีโอออนไลน์-โซเชียล" โกยเงิน คาดโควิดจบ โฆษณาดิจิทัลกลับมาโต 2 หลัก เหตุสินค้ารุดกระตุ้นยอดขาย "เอ็มไอ" ยกดิจิทัลสื่อทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภค
- บอร์ด รฟม. สั่งเจรจาบริษัท อีสเทิร์นบางกอกโมโนเรล จำกัด(EBM) ขยาย "สีเหลือง" เชื่อมสีเขียว สัญญาต้องเปิดให้เจรจาชดเชยผลกระทบ MRT ชี้เป็นความเสี่ยง ให้เวลาถึงเปิดเดินรถ ก.ค. 65
- ออมสินเคาะ 15,000 ล้านบาท จัดซอฟต์โลน ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวจากผลกระทบโควิด-19 รวม 2 โครงการ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการไม่เกิน 20 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย 2% และกลุ่มเอสเอ็มอีไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 3.99% เริ่มเปิดยื่นกู้ ก.ย.นี้
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)รายงานมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ สะสมตั้งวันที่ 1 มกราคม-28 สิงหาคม 2563 พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 79,735.41 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์)ขายสุทธิ 202.72 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 248,076.89 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 168,544.19 ล้านบาท
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) วิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดของภาคการท่องเที่ยวไทย พบว่า การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้นตัวได้บ้างโดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพฯ แต่ในภาพรวมยังคงต่ำกว่าระดับช่วงก่อนการ lockdown อยู่มาก และยังมีแนวโน้มอ่อนไหวต่อความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 ของโควิด-19
*หุ้นเด่นวันนี้
- BAM (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 28.50 บาท แม้ผลประกอบการ Q2/63 จะออกมาอ่อนตัวกว่าที่คาด แต่แนวโน้มครึ่งปีหลังกำไรจะปรับตัวดีขึ้น หลังกรมบังคับคดีกลับมาเปิดดำเนินการ ขณะที่ยังมีโปรโมชั่นในการขาย NPA ซึ่งคาดว่าจะช่วยเร่งการขายได้ อีกทั้งมีการประเมินด้านผลประโยชน์ทางภาษี (DTA) ใหม่ ทำให้ผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลืออยู่สุทธิอยู่ที่ 5 พันล้านบาท โดยบริษัทมีนโยบายจะรับรู้รายการดังกล่าวให้ได้มากที่สุดในปีนี้
- M (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 71 บาท ยืนยันมุมมองเดิมว่าผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q2/63 หลังเริ่ม Reopen และทำให้จำนวนลูกค้ากลับมาเข้าร้านมากขึ้น โดย SSSG ติดลบน้อยลงเหลือราว 15-17% Y-Y เทียบกับ Q2/63 ที่ -50% Y-Y โดยคาดว่า M จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรบางๆใน Q3/63 และดีขึ้นต่อเนื่องใน Q4/63 โดยคาดกำไรทั้งปี 2563 หดตัวแรง -59 Y-Y แต่คาดพลิกมาเติบโต +144% Y-Y ในปี 2564 กลับมาใกล้กำไรปี 2562 และมีจุดแข็งคือฐานะการเงินที่ดี ไม่มีหนี้ที่มีดอกเบี้ย เปิดโอกาสให้เกิดดีล M&A ในอนาคต
- BDMS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 23.5 บาท ได้ Sentiment บวกจากภาครัฐผ่อนคลายเกณฑ์ Medical Tourists โดยเพิ่มจำนวนประเทศที่สามารถเข้ามารักษาพยาบาลตามโปรแกรม AHQ (ต้องกักตัวในโรงพยาบาล 14 วัน) จากเดิม 3 ประเทศ เป็น 138 ประเทศ