นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 1,056.96 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 82.25 ล้านบาท เนื่องจากจะได้รับผลดีจากการ Synergy ร่วมกันระหว่างบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด (T.K.S. Siam Press Management Co., Ltd) และ บมจ.ทีบีเอสพี (TBSP) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ TKS ทำให้ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ (Printing Solution) และธุรกิจ Label&Packaging Solution มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทำให้สินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ได้นำบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด มาอยู่ภายใต้ TBSP ซึ่งถือหุ้น 100% ใน 3 เรื่อง ได้แก่ Business Synergy ในมุมของการทำ Cross Selling หรือการนำเสนองานอื่นๆ เข้าไปในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของ Digital Printing & e-Solutions ที่ถือว่าเป็นเทรนด์ New Normal สำหรับองค์กรต่างๆ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการลดการใช้กระดาษลง หรือต้องการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น (e-document) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการมุ่งเน้นในเรื่องของ e-TAX ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของ Cost Synergy หรือ การประหยัดต้นทุน ทั้ง Utility และ Facility รวมถึงการแชร์ความชำนาญเฉพาะทางหรือเทคโนโลยีที่ต่างฝ่ายมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Printing Competency หรือ Digital Platform เป็นต้น
นายจุติพันธุ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวในครึ่งปีหลังยังต้องรอความชัดเจนของทางภาครัฐประกอบกันด้วยว่าจะช่วยสนับสนุนให้งานโครงการต่างๆ สามารถเดินหน้าไปได้หรือไม่ ซึ่งบริษัทก็อยู่ระหว่างติดตามงานประมูลใหม่ๆ ทั้งทางภาครัฐ และภาคเอกชน จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 60-70% คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังนี้
สำหรับทิศทางธุรกิจจากนี้ บริษัทมองหา New s-curve ของผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับกับงานเดิมที่มีอยู่ เช่น Trackiin ระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าตลาดกระบวนการ เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าในเรื่องของ End-to-end Verification และผู้บริโภคมีความมั่นใจในแบรนด์ที่ใช้, Security Management and Detection ระบบการตรวจและวิเคราะห์ความปลอดภัยอัจฉริยะ และ Warehouse & Fulfillment Solution ที่จะช่วยรองรับการสั่งซื้อออนไลน์
ขณะที่ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกบริษัทหนึ่ง ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และทิศทางต่อจากนี้น่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ส่งผลดีกลับมายังบริษัทฯ ด้วย
"เราคาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ จากครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ภาพรวมทั้งปี รายได้อาจไม่กลับมาเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ จะช่วยให้เกิดการประหยัดต้นทุนได้อย่างยั่งยืน และยังช่วยสนับสนุนงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต"นายจุติพันธุ์ กล่าว