NDR มั่นใจ H2/63 กำไรต่อเนื่องหลังออร์เดอร์เพิ่ม-คุมต้นทุนหนุนมาร์จิ้นดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 31, 2020 16:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 6.56 ล้านบาท หลังผลการดำเนินงานพลิกมีกำไรได้ในไตรมาส 2/63 จากที่ขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรก โดยรายได้ของบริษัทกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/63 ที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เริ่มทยอยส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ และลูกค้าต่างเริ่มกลับมาสั่งออร์เดอร์สินค้ามากขึ้น หลังได้อั้นการสั่งซื้อสินค้าก่อนหน้านี้ หนุนรายได้ในครึ่งปีหลังดีกว่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับระดับ 330 ล้านบาทในครึ่งปีแรก

นอกจากนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่กลับมาฟื้นอยู่ในระดับทรงตัว และมีความผันผวนลดลงจากในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ทำให้เป็นบวกต่อราคาขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ไม่ผันผวน หนุนให้กับมาร์จิ้นของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับบริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนและประเมินราคาวัตถุดิบได้ค่อนข้างดี ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง

"ดีมานด์ของลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์กับเราเริ่มเห็นการกลับมามากขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ก็เป็นการอั้นมาจากช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน"นายชัยสิทธิ์ กล่าว

นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 จะมีผลกระทบต่อรายได้ทั้งปี 63 ของบริษัท ที่คาดว่าจะทำได้เพียงทรงตัวจากระดับ 860 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของการขายในช่วงครึ่งปีแรกหลังมีการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ทำให้ออร์เดอร์ที่เข้ามาหายไป และการส่งมอบออร์เดอร์ให้ลูกค้าไม่สามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นแล้วจากรายได้ในครึ่งปีแรกที่ต่ำกว่าระดับปกติที่คาดมีรายได้ราว 200 ล้านบาท/ไตรมาส และสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศก็ลดลงไปเหลือ 43% จากสิ้นปีก่อนที่ 63% แต่สัดส่วนรายได้ลูกค้าในประเทศเพิ่มขึ้นมาเป็น 56% จากสิ้นปีก่อน 36%

แนวโน้มสัดส่วนรายได้ของลูกค้าต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 50-55% แต่ไม่เกิน 60% หลังสามารถเริ่มกลับมาส่งออกได้มากขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ในสัดส่วนดังกล่าวไปจนถึงต้นปี 64 และในด้านกลยุทธ์การขายบริษัทจะกลับมาทำการตลาดมากขึ้น พร้อมเพิ่มช่องทางการขายให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตามจากผลกระทบของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องชะลอแผนการลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงาน หลังจากในช่วงต้นปีวางงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ยอดขายชะลอตัวไป ส่งผลให้ต้องชะลอการใช้งบลงทุน และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยต้องรอดูสถานการณ์ที่แน่นอนอีกครั้งถึงจะกลับมาพิจารณาใช้งบลงทุนดังกล่าวในปี 64 โดยยอมรับว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความไม่แน่นอน จนกว่าจะมีวัคซีนออกมารักษาอย่างเป็นทางการทำให้บริษัทจะต้องควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้บริษัทมีผลกระทบน้อยที่สุด และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ