ปัจจุบัน บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) กว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการเจรจากับค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อรับงานใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทย่อยในประเทศอินเดีย คือ FPI AUTOPARTS INDIA PRIVATE LIMITED มีการรับรู้รายได้จากรถยนต์โมเดลใหม่ต่างๆ ที่รับงานเข้ามามากขึ้น และอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าอีก 2-3 รายเพื่อรับงานใหม่ คาดว่าจะช่วยให้ผลประกอบการในประเทศอินเดียปรับตัวดีขึ้น และไม่เป็นปัจจัยลบให้กับผลประกอบการโดยรวมเหมือนกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ในปีนี้ยอมรับว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เติบโต 20% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 878.15 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,000.81 ล้านบาท หรือลดลงราว 12.2% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 2/63 ส่งผลให้ค่ายรถยนต์ต่างหยุดสายการผลิตไป แต่ก็เชื่อว่าการผลิตรถยนต์จะกลับมาผลิตได้เต็มที่ปกติในปี 64 ซึ่งจะทำให้รายได้จะกลับมาเติบโตได้ 20-30% อีกครั้ง
นายสมพล ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมบันทึกกำไรพิเศษราว 29 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/63 เนื่องจากบริษัทเตรียมขายหุ้นในบริษัทร่วม คือ บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) ที่ถืออยู่ทั้งหมด 33.37% ที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมองว่าไม่มีความชำนาญโครงการรูปแบบนี้ แต่หากในอนาคตมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เสนอเข้ามาบริษัทก็อาจจะพิจารณาเข้าลงทุน เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญมากกว่า