ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 233.30 จุดขานรับ FED ลดดบ.มาตรฐาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday August 18, 2007 07:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลง 0.50% เพื่อเป้าหมายที่จะพลิกฟื้นภาวะผันผวนในตลาดสินเชื่อ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล และหนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทั่วทั้งกระดาน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 233.30 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 13,079.08 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 34.65 จุด หรือ 2.46% ปิดที่ 1,445.92 จุด และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 53.96 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 2,505.03 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 5.01 พันล้านหุ้น ลดลงจากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 6.13 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 1
เมื่อคืนนี้ เฟดได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.50% สู่ระดับ 5.75% เพื่อบรรเทาความผันผวนในตลาดสินเชื่อ โดยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์กู้โดยตรงจากเฟด
โดยเฟดกล่าวในแถลงการณ์ว่า "ภาวะในตลาดการเงินถดถอยลงอย่างมาก ขณะที่ตลาดสินเชื่อตกอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างหนัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ในสถานการณ์เช่นนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเห็นว่า ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน เพื่อฟื้นฟูตลาดการเงินให้กลับคืนสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในช่วงขาลง"
นายฟิลิป ดาวน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทอาร์บีซี เดน รอสเชอร์กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกอบกู้วิกฤติการณ์ในตลาดสินเชื่อ หลังจากที่เฟดได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารแล้วหลายครั้ง และในที่สุดเฟดก็ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย"
"การที่เฟดตัดสินใจอย่างเหนือความคาดหมายในครั้งนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงจิตวิทยา ซึ่งช่วยให้ดาวโจนส์และดัชนีตัวอื่นๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นทันที" นายดาวน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เฟดไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (federal funds rate) ซึ่งยืนอยู่ที่ระดับ 5.25% มาเป็นเวลากว่า 1 ปี
ทั้งนี้ นักลงทุนได้ส่งแรงซื้อเข้าหนุนหุ้นทั่วทั้งกระดาน แต่หุ้นกลุ่มการเงินได้รับแรงซื้อส่งเข้ามาหนาแน่นที่สุด โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเมอริลล์ ลินช์ทะยานขึ้นกว่า 6% ขณะที่หุ้นคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่สุดของสหรัฐ ดีดขึ้น 13.1%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ