"หมอบุญ"เตือนลงทุนตปท.รับความเสี่ยงผลกระทบหากกระแสเงินลงทุนโลกมีปัญหา

          น.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จำกัด และ เจ้าของโรงพยาบาลปิยะเวท เตือนความเสี่ยงการลง
ทุนในต่างประเทศอาจได้รับผลกระทบจากกระแสการลงทุนของเม็ดเงินขนาดใหญ่ของต่างชาติ โดยให้จับตาการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล(Private Equity Fund)ขนาดใหญ่ของต่างประเทศที่ลงทุนในบริษัทนอกตลาดหุ้นที่กู้เงินจากสถาบันไปเทคโอเวอร์กิจการ ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณว่าหากการเทคโอเวอร์ไม่สำเร็จอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก 
          น.พ.บุญ กล่าวในการสัมมนา"ทำไมคนไทยต้องไปลงทุนต่างประเทศ"ว่า กองทุนประเภทนี้ทั่วโลกมีมูลค่าลงทุนกว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลกระทบจะใหญ่กว่าปัญหาซับไพร์มในสหรัฐที่มีวงเงินเพียง 1-2 ล้านล้านเหรียญ สรอ.
          นอกจากนั้น การไปลงทุนต่างประเทศมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย จึงต้องดูทุนทรัพย์ของตัวเองด้วย หากทุนน้อยก็ควรจะลงทุนในพันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น แต่หากมีเงินมากขึ้นก็ควรลงทุนใน Trade Fund ที่เน้นลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้ว และหากทุนทรัพย์มากกว่านี้ก็ควรเน้นการลงทุนในประเทศเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง
          สำหรับการลงทุนส่วนตัวนั้น ปัจจุบันได้ชะลอลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว โดยเพิ่งเทขายหุ้นออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยพอร์ตลงทุนในขณะนี้กว่า 70% กระจายอยู่ในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย โดยเป็นการลงทุนในจีน 60% ที่เหลือเป็นการลงทุนในประเทศอื่นๆ 
          "ของผมดูทิศทางพวกกองทุนใหญ่ๆ เป็นหลัก เช่น CIG ของสิงคโปร์ที่ให้ผลตอบแทนปีละ 18% ซึ่งเราลงไม่ถึงครึ่งของเขาแต่ก็ได้ผลตอบแทนที่ดี ส่วนในตลาดหุ้นไทยผมเพิ่งเทขายออกไปเกือบหมด เพราะว่าถ้าได้ผลตอบแทน 12% ก็พอแล้ว อย่าโลภ" น.พ.บุญ กล่าว
           น.พ.บุญ คาดว่า ในปี 54 กองทุน Sovereign Wealth Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่จีนและตะวันออกกลางนำเงินจากทุนสำรองส่วนเกินไปใช้ลงทุนจะมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีเงินกองทุนสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญ สรอ. ซึ่งจะลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยได้รับประโยชน์ด้วย 
          "ไทยก็จะได้ประโยชน์จากกองทุนดังกล่าวด้วย ทั้งในตลาดหุ้นและอสังหาฯ แต่ก็ต้องขึ้นกับการเมืองและเศรษฐกิจของไทยด้วย" น.พ.บุญ กล่าว