นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปี 63 จะเติบโตได้ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 712.53 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 581 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกินกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในหลายภาคส่วน แต่บริษัทฯสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศเยอรมนี และอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี ซึ่งสินค้าของ KOOL ถือเป็นสินค้าใหม่ ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมาก
ขณะที่ภาพในครึ่งปีหลังก็มองว่า ผลการดำเนินงานน่าจะปรับตัวลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากครึ่งปีแรกเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ จากประเทศไทยเป็นช่วงฤดูร้อน และมีความต้องการพัดลมไอเย็นอย่างมาก ซึ่งครึ่งปีหลังนี้มองว่าตลาดในประเทศ ในธุรกิจรีเทล B2C น่าจะลดลงบ้าง แต่ B2B น่าจะยังรักษายอดขายไว้ได้ ส่วนการบริการหลังการขาย น่าจะปรับตัวลดลง ตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่ยังคงไม่สามารถจัดงานได้เหมือนเดิม
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะได้รับปัจจัยบวกจากการส่งออกไปยังประเทศเยอรมนีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงกลางปีถึงไตรมาส 3 นี้เป็นช่วงฤดูร้อนในประเทศดังกล่าว รวมถึงบริษัทฯ ยังมองการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ เช่น อเมริกาใต้, นิวซีแลนด์ เป็นต้น คาดว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%
"กลยุทธ์การดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ เราจะมุ่งเน้นใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ การขายให้กับลูกค้าทั่วไป B2C เราจะปรับพอร์ตการขายใหม่ โดยจะเน้นไปที่การขาย Online มากขึ้น และปรับกระบวนการจัดส่งให้เร็วขึ้น, ลูกค้าองค์กร B2B เราจะนำสินค้าประเภทระบบประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีโอโซน มาปล่อยเช่า เพื่อผลักดันให้เกิดรายได้ประจำ, เพิ่มสินค้าใหม่ โดยเน้นไปที่สินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น ฆ่าเชื้อโรค ปรับปรุงคุณภาพอากาศ และสร้าง Key Agents เพื่อผลักดันการส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง และเป็น Role Model ในการสร้างรายได้ใหม่"นายนพชัย กล่าว