นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จาก Sentiment หุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นไป จากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลกหลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง และยังมีความคืบหน้าด้านวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ด้วย ส่วนในประเทศวานนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) จะแจกเงินคนละ 3,000 บาท เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะไปได้ไม่ไกล เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังมีอย่างต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศ และตลาดหุ้นไทยก็จะปิดทำการ 4 วันติดต่อกันด้วย ก็ทำให้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปก็อาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทางแถบเอเชียเหนือจะบวกได้ดี ทั้งนี้ วันนี้ให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ รวมถึงเงินเฟ้อของไทย พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,325-1,330 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 454.84 จุด (+1.59%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,580.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.19 จุด (+1.54%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,056.44 จุด เพิ่มขึ้น 116.77 จุด (+0.98%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 277.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 75.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 18.89 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.1 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ย.63) 1,315.88 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด (+0.79%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,254.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ย.63) ปิดที่ 41.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ย.) อยู่ที่ -0.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.31 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาแคนดิเดท รมว.คลัง-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
- ศบศ.เคาะ 2 มาตรการ จ้างงาน-กระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินรวม 6.8 หมื่นล้าน จ้างงานบัณฑิตจบใหม่ 2.6 แสนตำแหน่ง "ปตท.-กฟผ."ตอบรับจ้างงาน พร้อมแจกเงินประชาชน 3,000 บาท 15 ล้านคน ดันจีดีพี 0.25% อนุมัติเจ้าหน้าที่รัฐลา 2 วัน เที่ยววันธรรมดา "สุพัฒนพงษ์" เล็งเพิ่มมาตรการพยุงเศรษฐกิจ
- คมนาคม ชะลอรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 2.73 แสนล้าน ชี้ ศก.ถดถอย สั่งรีวิวผลศึกษา ตัดงานส่วนเกิน หวังลดต้นทุน วางแผนดัน "ขอนแก่น-หนองคาย" นำร่องก่อน ชี้เป็นเส้นยุทธศาสตร์เชื่อม ลาว-จีน คุ้มค่าลงทุนสั่งผนวก ICD หนองคาย
- นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เร่งขับเคลื่อนไทยเป็นฮับถุงมือยางของโลกโดยใช้โมเดล "เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด" รุกตลาดถุงมือยาง
- "อนุทิน" ชี้จะล็อกประเทศ และอยู่แบบติดเชื้อเป็นศูนย์ ห้ามการเดินทาง ห้ามทำธุรกิจกับต่างประเทศแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะคนไทยจะอดตายเพราะโควิด-19 มั่นใจจุดแข็งสาธารณสุขของไทยนำเข้าชาวต่างชาติทั้งกลุ่มท่องเที่ยว-ไมซ์ ขณะที่ทีเส็บเตรียมชง ศบค.พิจารณาสเปเชียล เจอร์นีย์ อีกรอบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท มี Opportunity Day วันนี้คาดเห็นมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไร H2/63 ฟื้นตัวแข็งแกร่งทั้งธุรกิจปั๊มน้ำมันที่มี Demand สูงขึ้นตามการ Reopen ส่วนธุรกิจ Non-Oil และ Palm Complex เป็นอีกปัจจัยหนุน ส่วนกำไร H2/63 คาดเติบโตทั้ง H-H และ Y-Y จากค่าการตลาดยังสูงราว 1.80-1.90 บาท/ลิตร ปริมาณขายโตต่อเนื่อง หนุนให้กำไรทั้งปี 63 ชะลอตัวเพียง -6% Y-Y ก่อนกลับมาโตแข็งแกร่ง +18% Y-Y ในปี 64 และเริ่มเห็น Upside เล็กน้อย
- TNP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 3.5 บาท คาดกำไรปีนี้มีลุ้นทำ All time high ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากข่าวภาคเตรียมแจกเงิน 3,000 บาท ปลายปีเป็น High season การท่องเที่ยวของภาคเหนือ
- NER (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.6 บาท ราคายางพารายังไปได้ต่อ ทั้งยางแผ่นและยางแท่งปรับตัวสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก เพราะจีนสั่งซื้อปริมาณมาก หลังเริ่มฟื้นฟูประเทศทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมกระเตื้องขึ้น และผู้บริโภคในจีนหันมาใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแทนรถโดยสารสาธารณะ ทั้งนี้ NER ได้รับประโยชน์โดยตรงแม้จะขายแบบ lock ราคาไปแล้ว แต่มีออเดอร์บางส่วนที่ไม่ได้ทำราคาขายล่วงหน้า พร้อมคาดช่วงก่อนหน้าทำ Biglot 75 ล้านหุ้นเป็นตัวกดดันราคาหุ้น แต่ได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว