นายวัชรพัธ วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บมจ.บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากงานในมือ(backlog)ราว 4 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้ฯ ราว 2 พันล้านบาทใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก จาก backlog ทั้งหมดตอนนี้ 7 พันล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 52
และในระยะต่อจากนี้ บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งเข้าประมูลเองและร่วมมือกับพันธมิตร มูลค่างานรวมทั้งสิ้นกว่า 7 หมื่นล้านบาท ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะร่วมทุนกับพันธมิตร คาดว่าจะได้รับงานราว 10% จากที่เข้าประมูล และน่าจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 51-52
งานที่บริษัทมีแผนจะเข้าประมูล ประกอบด้วย โครงการสร้างทางด่วนที่โดฮา ประเทศการ์ต้า ซึ่งร่วมทุนกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD)มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดย NWR ถือ 40% ITD ถือ 60%, โครงการรับเหมาขุดดินที่เหมืองแม่เมาะ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท, โครงการคลังก๊าซ LNG ของบมจ.ปตท. (PTT) ที่ร่วมกับ GS Enginerring มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท, งานสร้างโรงไฟฟ้า IPP มูลค่า 1.7 พันล้านบาท รวมทั้งยังมีโครงการขนาดเล็ก รวมกันอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
"ในงานที่จะยื่นเข้าประมูลคาดได้ 10% ของมูลค่าทั้งหมด โดยจะรับรู้รายได้ในปี 51 และ 52 มากกว่า" นายวัชรพัธ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานอีกประมาณ 2-3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างเจดีย์วัดเขาสุกิม เฟส 2 มูลค่า 200.54 ล้านบาท โครงการก่อสร้างสะพานในกรุงพนมเปญ กัมพูชา 554.59 ล้านบาท และโครงการโรงบำบัดน้ำเสียของกทม. 4.5 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้เปิดประมูล
ส่วนโครงการสมุย พาวิลเลี่ยน มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาทนั้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ ทำให้บริษัทอาจเลื่อนโครงการดังกล่าวออกไปก่อน และคาดว่าคงจะเริ่มทำได้ในปีหน้า
นายวัชรพัธ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทยังคงจะออกมาขาดทุนตามที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการขาดทุนในครึ่งปีแรกที่เกิดจากการตั้งสำรอง 150 ล้านบาทในไตรมาส 2/50 และโครงการสร้างถนนที่ลาวที่บันทึกขาดทุน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่า แต่ในครึ่งปีหลังเชื่อว่าบริษัทจะถึงจุดคุ้มทุนได้จากงานที่ทยอยรับรู้รายได้
ณ สิ้นไตรมาส 2/50 บริษัทมีขาดทุนสะสมที่ 990 ล้านบาท ซึ่งหากได้งานโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า หรือเหมืองแม่เมาะก็คาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ภายใน 2-3 ปี
ในส่วนโครงการรถไฟฟ้า นายวัชรพัธ กล่าวว่า ยังเชื่อว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน และบริษัทก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลโดยคาดว่าคงจะได้เห็นในปีหน้า
"ยอมรับว่าการที่งานภาครัฐชะลอลงทำให้เราได้รับผลกระทบไปบ้าง แต่หากมีการเลือกตั้งและงบประมาณเบิกจ่ายออกมา คาดว่าจะมีงบกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทด้วย ก็จะทำให้มองว่าในปีหน้าน่าจะเป็นปีในการสร้างรายได้ และจากงานต่างประเทศ ที่เริ่มเข้าไปประมูลก็จะดีต่อบริษัทด้วย เพราะมาร์จิ้นต่างประเทศที่ 11% มากกว่ามาร์จิ้นในไทยที่ประมาณ 10%" นายวัชรพัธ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--