นายธิติพัฒน์ นานานุกูล ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมวงเงิน 44,600 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1-1.5 พันเมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับทางการ สปป.ลาว รวมทั้งเตรียมขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์) ที่มีแผนขยายปีละ 5-10 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Co-gen) หากลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมมีการขยายบนพื้นที่เดิมที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบโควิด-19 ทำให้การผลิตปรับตัวลง
ทั้งนี้ แหล่งที่มาของงบลงทุนดังกล่าวส่วนใหญ่จะมาจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทได้เพิ่มวงเงินจาก 1 หมื่นล้านบาทเป็น 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังสามารถขยายวงเงินกู้ได้อีก โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
นายธิติพัฒน์ กล่าวว่า ในช่วง 3-5 ปีนี้ บริษัทจะโฟกัสโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาวเป็นหลักที่จะทำให้กำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมาย 5,000 เมกะวัตต์ในปี 68
นางมัณฑนา เอื้อกิจขจร รองกรรมการผู้จัดการ งานวางแผนธุรกิจ CKP กล่าวว่า บริษัทยังมองโอกาสการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย สปป.ลาว ซึ่งจะเน้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโซลาร์ ขณะที่การเจรจาโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาวยังไม่ได้ข้อสรุป
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3/63 จะพลิกมีกำไรจากไตรมาส 2/63 ที่มีผลขาดทุน 94.86 ล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาวมากที่สุด ทั้งโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ที่มีปริมาณน้ำมากโดยใน ส.ค.นี้มีปริมาณน้ำสูงมาก และดีกว่าไตรมาส 3/62 เพราะปีนี้รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (ถือหุ้น 37.5%) ที่ดำเนินการมา 10 เดือนจากวันที่เริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อวันที่ 29 ต.ค.62 ส่วนรายได้รวมปีนี้คาดว่าเติบโตเล็กน้อยจากปี 62 รายได้รวม 8,840 ล้านบาท