โบรกเกอร์ประเมินหุ้นบมจ.ช.การช่าง(CK)ยังน่าเข้าลงทุน มองแนวโน้มได้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศจะช่วยดันให้งานในมือเพิ่มอย่างมาก ดันผลประกอบการตั้งแต่ปีหน้าจะเติบโตดีมาก โดยในปี 51 คาดว่าจะได้งานในประเทศลาวทั้งเขื่อนน้ำบาก 1-2 มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งเขื่อนไซยบุรี มูลค่า 1.7-1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนปีนี้ปรับประมาณการรายได้ลงหลังมีงานใหม่น้อย โดยมีงานในมือขณะนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ครึ่งปีหลังเริ่มเห็นงานในมือเริ่มเข้ามาอีกกว่า 3 พันล้านบาทมากขึ้นจากช่วง 8 เดือนที่มีงานใหม่เพียง 1.9 พันล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.กิมเอ็งฯ ทยอยสะสม 9.50
บล.กรุงศรีอยุธยา เทรดดิ้ง 10.70
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 11.55
บล.ทรินิตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 10.00
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 11.27
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 11.40
บล.บัวหลวง ซื้อ 11.50
นักวิเคราะห์จาก บล.นครหลวงไทย คาดว่า ครึ่งปีหลัง CK ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการรับรู้งานใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงชดเชยงานที่มีอัตรากำไรต่ำ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 10-15% คาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 288 ล้านบาทจากขาดทุน 433 ในปีก่อน และมีรายได้ 1.59 หมื่นล้านบาท
แต่ในปีหน้ารายได้จะเพิ่มเป็น 1.8 หมืนล้สานบาท แต่กำไรสุทธิจะก้าวกระโดดเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท และ 1,100 ล้านบาท ในปี 52
ทั้งนี้คาดว่าครึ่งหลังของปีนี้ CK จะมีงานใหม่ที่จะเซ็นสัญญาจำนวน 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานก่อสร้างด่านเก็บเงินบางพลี-บางขุนเทียน และ อาคารสำนักราชเลขา รวมกับล่าสุดที่รับงานจากบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) เป็นเงิน 127 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 2/50 ที่มีงานในมือ(backlog) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่กลยุทธ์การรับงานของ CK ยังคงเน้นงานสัมปทานโครงการเขื่อนในประเทศลาวเป็นหลัก อาทิ เขื่อนน้ำบาก 1 และ 2 และรวมถึงเขื่อนไซยบุรี ที่มีมูลค่าโครงการสูง ซึ่งทั้งสองโครงการจะรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ก็จะช่วยทำให้ผลการดำเนินงานของ CK ยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
"CK เป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลลาวมาโดยตลอด การก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และคิดว่าเขื่อนน้ำบาก 1-2 และเขื่อนไซยบุรีก็คงจะได้แน่และเกิดได้ในปีหน้าสำหรับเขื่อนน้ำบาก 1-2 เรามองว่าการได้งานทั้งสองเขื่อนจะเกิดประโยชน์ในระยะยาวกับ CK เอง ปีหน้าเป็นปีที่น่าตื่นเต้นของ CK"นักวิเคราะห์จาก บล.นครหลวงไทยกล่าว
ขณะเดียวกัน CK มีแผนเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย แต่ถ้าได้กำไรไม่ดีก็คงไม่ทำ เพราะ CK เคยทำโครงการไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้อัตรากำไรขั้นต้นถึง 15% และคิดว่า CK อยากจะทำโครงการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน(หัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค)มากกว่า
"แม้ว่าปีนี้การเติบโตไม่มาก แต่แนวโน้มข้างหน้ากันไปเน้นงานต่างประเทศ ที่มีกำไรดี ไม่ต้องกังวลกับงานในประเทศ ถ้ากำไรไม่ดีก็ไม่รับ" นักวิเคราะห์บล.นครหลวไทยกล่าว
นักวิเคราะห์จากบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุว่า งานในมือของ CK ที่ลดลง ทำให้ต้องปรับประมาณการกำไรลงอีกครั้งเป็น 440 ล้านบาทหรือ 0.30 บาทต่อหุ้น โดยรวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น PTW จำนวน 575 ล้านบาท(ก่อนหักภาษี) ส่วนรายได้คาดได้ 1.36 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1.9 พันล้านบาท
CK มีงานในมือต่ำเพียง 2.03 หมื่นล้านบาทจากผลกระทบภาวะโดยรวมซบเซา ทำให้ CK ได้งานใหม่ในปีนี้เพียง 1.9 พันล้านบาท แต่ก็คาดว่าจะได้งานเพิ่มอีก 3 พันล้านบาทในช่วงเวลาที่เหลือของปี ไม่รวมงานรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเปิดประมูลในเดือน ก.ย.นี้
"คิดวว่า รถไฟฟ้าสายสีแดง CK จะไม่รับงาน เพราะ CK จะเลือกแต่โครงการที่มีกำไรดีเท่านั้น แต่เข้าร่วมประมูล แต่ราคาเสนอคงไม่ได้"
แต่คาดว่าในปีหน้าแนวโน้มงานในมือจะดีขึ้นในปีหน้า เนื่องจาก CK จะได้งานโครงการเขื่อนน้ำบาก 1 และ 2 ซึ่งมีมูลค่าก่อสร้าง 9 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ราวกลางปี ตอนนี้ CK กำลังศึกษาความเป็นไปได้และรูปแบบการพัฒนาโครงการนี้อยู่ จึงคาดว่าปีหน้ารายได้จะเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 527 ล้านบาท
"สรุปแล้วปีนี้ยังไม่ค่อยดีเท่าไร ก็งานในมือลดลงเยอะ เพราะไม่ค่อยได้งานใหม่ ครึ่งปีแรกได้งานใหม่มุลค่าแค่ 1.9 พันล้านบาทเอง และคิดว่าทั้งปีได้สัก 5 พันล้านบาทซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ปีหน้ารายได้จะดีขึ้นจากเขื่อนน้ำบาก 1-2 ส่วนครึ่งปีหลังคิดว่างบยังไม่ดีเท่าไรก็จะมีกำไรหลักจากการขายหุ้น(IPO)น้ำประปาไทย(TTW)ที่จะช่วยได้ในไตรมาส 4"นักวิเคราะห์จากบล.กิมเอ็งฯกล่าว
บล.กรุงศรีอยุธยาได้ปรับลดประมาณการรายได้ CK ในปี 50-51 มาเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาทตามลำดับ เนื่องจากงานที่รับเพิ่มเข้ามาในปี 50 มีน้อยมาก ส่วนปี 51 ปริมาณงานใหม่ยังไม่ชัดเจน โดยครงการเขื่อนน้ำบาก 1-2 ที่อยู่ระหว่างศึกษาอาจชัดเจนมากขึ้นในต้นปี 51
ผ่านมาเกือบ 8 เดือน แต่ยอดเซ็นสัญญางานใหม่ในปี 50 ของ CK ยังคงน่าผิดหวัง โดยเฉพาะช่วง ไตรมาส 2-3 ปี 50 งานใหม่ที่รับเพิ่มเข้ามาใน Backlog ยังน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปี 50 มารวมแล้ว CK มีงานเซ็นสัญญาเพิ่มระหว่างปีเพียง 1.9 พันล้านบาท เทียบกับปี 49 ที่มียอดเซ็นงานเพิ่มถึง 2.4 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปี CK มีงานใหม่รวม 4.9 ล้านบาท นับว่าลดลงอย่างมีนัยจากปี 49 ที่ได้งานใหม่ถึง 2.4 หมื่นล้านบาท
ส่วนฐานะทางการเงิน CK บล.กรุงศรีอยุธยาประเมินอาจต้องพึ่งพาการรีไฟแนนซ์ในอนาคต โดยปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินสุทธิ (Net D/E) ณ สิ้น 2Q50 อยู่ที่ 1.13 เท่า ลดลงจาก 1.42 เท่าใน ไตรมาส 1/50
นอจากนี้ยังเห็นว่าในแง่ของกระแสเงินสดบริษัทอาจจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ในอนาคตสำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 52 จำนวน 3 พันล้านบาท และปี 53 จำนวน 3.1 พันล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 50-51 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์ไปแล้วในไตรมาส 3/50
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--