นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล (LHK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 งวดปี 63/64 (ก.ค.-ก.ย.63) น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 416.59 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 2.63 ล้านบาท หลังอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มเห็นการฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 89,336 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูดีขึ้นจากเดือนเม.ย.-มิ.ย.63 ที่มียอดการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 25,000 คัน, 56,000 คัน และ 72,000 คันตามลำดับ ทำให้คาดว่าทั้งปี 63 ยอดการผลิตรถยนต์น่าจะไปจบที่ 1.2 ล้านคันได้ จากประมาณการของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในช่วงก่อนหน้าที่คาดจะอยู่ที่ 1-1.4 ล้านคัน
ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีการฟื้นตัวดีขึ้น และฟื้นตัวได้เร็วกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยกลับมาผลิตได้ถึง 80% แล้ว เนื่องจากปัญหา Supply Chain disruption และส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่มีการล็อกดาวน์เริ่มผ่อนคลาย รวมถึงเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของยอดขายในประเทศ หลังกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า และปัจจัยบวกจากการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนของกลุ่มญี่ปุ่น เพราะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ จากการล็อกดาวน์ประเทศ ส่วนกลุ่มก่อสร้างและโครงการภาครัฐ เป็นกลุ่มที่ส่งผลกระทบกับบริษัทค่อนข้างน้อย โดยมองว่ายังมีโอกาสใหญ่ ๆ จากการลงทุนของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว และสายสีทอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามภาพรวมทั้งปี 63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) เบื้องต้นคาดว่ารายได้จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 2.78 พันล้านบาท จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าในปี 63 จะปรับตัวลดลงไปกว่า 10% ทำให้ส่งผลกระทบมายังบริษัทด้วย ขณะที่บริษัทก็จะพยายามลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้คงที่ให้มากที่สุด เพื่อรักษาระดับความสามารถการทำกำไร