นายพีรพล สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล (UKEM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,348.99 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 52.81 ล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่เดือนส.ค. เริ่มเห็นการฟื้นตัวของความต้องการในตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ว่าจะเกิดรอบสองหรือไม่ เพราะอาจจะนำไปสู่การล็อกดาวน์ และการลดการใช้จ่ายในสิ่งของที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะรถยนต์หรือสิ่งของฟุ่มเฟือย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทก็จะดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกันในช่วงครึ่งปีแรก ที่หันมาเน้นการขายสินค้าที่ขายดีในช่วงดังกล่าว เช่น กลุ่มคลีนซิ่ง เป็นต้น รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/63 เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 แต่คงจะไม่เท่ากับไตรมาส 1/63 และแนวโน้มของดีมานด์ในตลาดก็เริ่มกลับมาในเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ มองว่าภาพจะทยอยดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีการระบาดโควิด-19 รอบสองหรือปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาก"นายพีรพล กล่าว
นายพีรพล กล่าวอีกว่า สำหรับรายได้ในปี 63 บริษัทคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,841.18 ล้านบาท จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ปริมาณการขายและราคาตลาดปรับตัวลดลง โดยสัดส่วนรายได้ยังคงมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีทั่วไป ถือป็นรายได้หลัก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60%, กลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษ และกลุ่มสินค้าอื่นๆ
ขณะเดียวกันบริษัทก็จะพยายามรักษาความสามารถในการทำกำไรในปี 63 ให้ดีขึ้น จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.18 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิแล้วที่ 52.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น บริหารจัดการสินค้าเพื่อขายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับเพิ่มมาร์จิ้นในสินค้าที่จำหน่าย โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ควบคู่กับการบริหารจัดการสต็อกให้อยู่ในระดับที่น้อย และบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับการลงทุนในปี 63 บริษัทได้มีการชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน เพื่อระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป รวมถึงมีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อตอบรับยุค New Normal ในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ ยังคงศึกษาและมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีข้อสรุป