นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.ที เอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) คาดว่าภาพรวมผลประกอบการในปี 63 ปริมาณการขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย โดยภาพรวมในครึ่งปีหลังปริมาณขายอาจจะลดลงเล็กน้อยจากครึ่งปีแรก ที่มีปริมาณขายเติบโตแรง ขณะที่คาดว่าในปี 64 ปริมาณขายจะเติบโตได้อีก 5-10% ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวเพิ่มขึ้น 2.7% และ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลี เฉลี่ยลดลง 5% และ 13.7% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดมีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น ประกอบกับลูกค้าต่อรองราคาโดยอ้างอิงราคาตลาดข้าวสาลีโลกที่ลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าในปีที่ผ่านมา จึงทำให้มีการปรับลดราคาจำหน่ายแป้งสาลีลง ทำให้บริษัทมีรายได้จากการขาย 712.1 ล้านบาท ลดลง 3.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ เติบโต 43.7% มาที่ 67.2 ล้านบาท บริษัทมีรายได้จากการขาย 712.1 ล้านบาท ลดลง 3.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากอัตราต้นทุนขายลดลง 3.9% และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนของข้าวสาลีที่ใช้ในปี 63 ถูกกว่าปี 62 เนื่องจากปัจจัยด้านราคาข้าวที่มีการทำสัญญาซื้อตั้งแต่กลางปีก่อน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงปลายปีก่อน
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต 500 ข้าวสาลีตัน/วัน และยังไม่มีแผนขยายการโม่แป้ง แต่จะขยายตลาดให้สอดรับกับอัตราการใช้กำลังการผลิตในปีนี้เฉลี่ย 75% จากเป้าหมายตั้งไว้ 80% เทียบกับปี 62 ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 73.51%
ส่วนในช่วงการระบาดโควิด-19 บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบการนำเข้าวัตถุดิบ แต่ก็ติดตามสถานการณ์ หากจำเป็นก็จะมีการสต็อกวัตถุดิบไว้ นอกจากนี้เงินบาทที่แข็งค่ามีผลดีต่อบริษัททำให้จ่ายวัตถุดิบลดลง ส่วนความเสี่ยงบริษัท มาจากความผันผวนราคาวัตถุดิบ เพราะวัตถุดิบคิดเป็นต้นทุน 90% ของต้นทุนการผลิต