SEAFCO มั่นใจได้รับชำระหนี้ใน Q3/50 ช่วยพลิกมีกำไร/เล็งปันผล 9 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 17, 2007 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) มั่นใจลูกหนี้สงสัยจะสูญที่ตั้งสำรองไว้ในงบการเงินไตรมาส 2/50 สูงถึง 30 ล้านบาท จะนำเงินมาชำระหนี้ในช่วงไตรมาส 3/50 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการพลิกพื้นกลับมามีกำไร อีกทั้งธุรกิจยังเดินไปได้ตามปกติ โดย Backlog 500 ล้านบาทจะรับรู้หมดในไตรมาส 3 เช่นกัน รวมทั้งเข้ายื่นประมูลงานใหม่แล้วกว่าพันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรู้ผลหลังลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนการจ่ายปันผลระหว่างกาลมีแน่นอน แต่อาจต้องเลื่อนไปจ่ายงวด 9 เดือน หลังจากไตรมาส 2/50 มีขาดทุนสุทธิกว่า 20 ล้านบาท เพราะต้องรอดูผลการเก็บเงินลูกหนี้ค้างจ่ายก่อน ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงนั้นเป็นไปตามภาวะตลาด และไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของหุ้น เพราะยังมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ รองประธานกรรมการ SEAFCO เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" โดยคาดว่าผลการเงินในไตรมาส 3/50 น่าจะดีขึ้นและอาจจะพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากไตรมาส 2/50 ขาดทุนจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญตามหลักบัญชี 30 ล้านบาท เนื่องจากเก็บเงินลูกค้า 1 รายยังไม่ได้ แต่มั่นใจว่าจะได้รับชำระในไตรมาส 3/50
"เป็นเพียงรูปบัญชีเท่านั้น เดี๋ยวพอเก็บมาได้ก็บวกกลับเข้าไปเป็นรายได้ ไม่มีอะไรครับเป็นเรื่องของระเบียบบัญชีเมื่อถึงกำหนดที่ลูกค้าต้องจ่ายเงินแต่เราเก็บเงินไม่ได้ ผู้ตรวจสอบบัญชีก็ต้องขอตั้งสำรองฯ เพื่อแจ้งให้ลูกหุ้นทราบว่ามีหนี้ที่เก็บไม่ได้"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวถึงลูกค้ารายนี้ว่า เป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันมานานประมาณ 2-3 งาน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน แต่เพิ่งจะมีปัญหาการเงินขาดสภาพคล่องในช่วงหลัง ทำให้ติดค้างชำระ 50 ล้านบาท แต่ตั้งสำรองฯเพียง 30 ล้านบาทเพราะเป็นส่วนที่ครบกำหนด 12 เดือน ส่วนอีก 20 ล้านบาทยังไม่ครบกำหนดจ่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเจรจาและลูกค้าก็พยายามหาทางเคลียร์หนี้ โดยกำลังหาคนมาซื้อโครงการ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน
"ลูกค้าบอกขอเวลาประมาณ 1-2 เดือน แต่เราบอกเรารอไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องขอตั้งสำรองฯไว้ก่อน และถ้าลูกค้าเคลียร์ได้ตามกำหนดที่บอกก็จะบวกกลับเข้ามาเป็นกำไรในไตรมาสต่อไป แต่ในทางกลับกันถ้าลูกค้าไม่สามารถจ่ายได้ตามกำหนดก็คงต้องมาตั้งสำรองฯเพิ่มตามหลักบัญชี"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า ลูกค้ารายนี้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านเอกมัย ผู้บริหารใช้เช็คเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังมีระยะเวลาติดตามหนี้ เพราะลูกค้ารับปากจะชดให้ในเดือน ก.ย.นี้ ไม่เช่นนั้นบริษัทคงจะต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย
"คนเราค้าขายกันมานานก็ต้องให้โอกาสเขา อีกอย่างเราก็มีหลักประกันอยู่ในมือแล้วด้วย แต่สุดท้ายถ้าเก็บเงินไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา และทางเขาอาจจะต้องถูกฟ้องล้มละลายอีกอย่างเช็คที่สั่งจ่ายแล้วถ้าไม่ผ่านมีความผิดทางอาญาด้วย แต่เขาคงไม่เสี่ยงหรอก"นายณรงค์ กล่าว
สำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ในงบการเงินเฉพาะบริษัทฯ จากวิธีส่วนได้ส่วนเสียเป็นวิธีราคาทุน โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 44 ไม่มีผลกระทบอะไรต่อบริษัท เพราะธุรกิจก็ยังดำเนินไปตามปกติ
*เข้าประมูลงานใหม่ร่วมพันลบ.หลัง Backlog 500 ลบ.จะรับรู้ครบใน Q3/50
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้ที่คาดว่าจะโต 15% มาที่ 2.6 พันล้านบาท เพราะยังมีการเข้าประมูลงานตามปกติ เพียงแต่เจ้าของงานอาจจะยังรอเรื่องการลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.ซึ่งหลังรู้ผลก็คงจะมาพิจารณาดูว่าจะตัวเลขที่คาดการณ์ไว้จะต้องพยายามมากขึ้นหรือไม่
ขณะนี้บริษัทได้เข้าประมูลงานรวมมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจาก Backlog ที่มีอยู่ 500 ล้านบาท จะรับรู้ทั้งหมดในไตรมาส 3 นี้ โดยในจำนวนงานที่ได้เข้าประมูลใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะรู้ผลหลังวันที่ 19 ส.ค.นี้ ประมาณ 200 ล้านบาท จาก 4 โครงการของภาคเอกชน ส่วนงานใหม่ในประเทศสิงคโปร์ก็ยังรอผลประมูลงานระดับร้อยล้านบาท 1-2 งาน
"เราพยายามหา Backlog ตุนไว้ในมือเรื่อยๆ ซึ่งเร็วๆนี้คงจะมีงานเข้ามาเพิ่มเติม"นายณรงค์กล่าว
*ยันมีจ่ายปันผลระหว่างกาล รอกำหนดอัตราหลังรู้ผลเก็บเงินลูกหนี้
นายณรงค์ ยังกล่าวถึงการคาดการณ์ที่ว่า SEAFCO จะจ่ายปันผลระหว่างกาลหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่ามีปันผลระหว่างกาลแน่ แต่อาจจะเป็นงวด 9 เดือน ส่วนจะจ่ายอัตราเท่าใดต้องขอดูผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึงผลการเก็บเงินลูกหนี้รายนี้ก่อนจึงจะสามารถกำหนดอัตราได้
"ยังไงก็มีปันผลระหว่างกาลแน่นอน แต่อาจจะต้องเลื่อนไปจ่ายงวด 9 เดือน เนื่องจากยังเก็บเงินลูกค้ารายนี้ไม่ได้ ถ้ามาจ่ายตอนนี้เกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เลยชะลอออกไปก่อนดีกว่า แต่ไม่ใช่ว่าจะยกเลิก หรือไม่จ่าย ส่วนอัตราปันผลถ้าไม่มีการตั้งสำรองฯอาจจะจ่ายได้ในอัตราสูงกว่าปีที่แล้วที่จ่าย 0.12 บาท/หุ้น แต่พอมีตั้งสำรองฯก็อาจจะจ่ายในอัตราน้อยลง แต่จ่ายแน่นอนครับ"นายณรงค์ กล่าว
*คาดราคาหุ้นรูดลงมาจากภาวะตลาดโดยรวมไม่เอื้อ
สำหรับราคาหุ้น SEAFCO ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ นายณรงค์ กล่าวว่า คงจะเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้น อีกอย่างคือคนอาจจะเห็นว่าไตรมาส 2 เรามีการตั้งสำรองหนี้ฯ เลยตกใจ แต่ถ้าได้เห็นที่ชี้แจงแล้ว น่าจะเข้าใจ
"ผมมองว่าเรื่องราคาหุ้นปรับตัวลดลงเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นไม่ค่อยดีด้วย"นายณรงค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หุ้น SEAFCO ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เพราะมีการซื้อขายกันอยู่วันละหลายล้านหุ้น เพราะฉะนั้นน่าจะยังมีสภาพคล่องดีอยู่
วานนี้ราคาหุ้น SEAFCO ปิดที่ 7.10 บาท ลดลง 0.55 บาท คิดเป็น -7.19% และราคาปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 7.10 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ