SAPPE คาดรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน, H2/63 เริ่มฟื้นหลังหลายคลายล็อก-อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 9, 2020 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 63 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3,387 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 น่าจะเป็นระดับต่ำสุดของปีแล้ว และคาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/63 หลังจากหลายประเทศ รวมถึงไทย เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมารุกตลาดออนไลน์ และดิลิเวอรี่ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมายอดขายส่วนนี้เติบโตถึง 570%

ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทในระดับปัจจุบัน มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ แม้บริษัทจะส่งออกสินค้าค่อนข้างมาก แต่ก็ได้ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอด้วย

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับลดภาษีสรรพสามิตให้กับกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มนวัตกรรมจากเดิมที่จัดเก็บในอัตรา 10% เหลือ 3% อีกทั้งแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และการบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกสองอย่างใกล้ชิดที่อาจจะเข้ามากระทบกำลังซื้อได้อีก

นางสาวปิยจิต กล่าวอีกว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงทำให้รัฐบาลคลายล็อกมาตรการเข้มงวดต่าง ๆ ส่งผลให้ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่ม Functional Drinks ที่เติบโตในอัตราเลข 2 หลัก (Double-digit Growth) เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคตระหนักถึงสุขภาพและการดูแลร่างกาย จึงคัดสรรอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดต่างประเทศ เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นโดยเฉพาะตลาดในอเมริกาและยุโรป หลายประเทศเริ่มทยอยเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทได้ยังขยายการส่งออกเครื่องดื่มน้ำวิตามิน B’lue ไปยังตลาดใหม่ๆ มากขึ้น อาทิ กัมพูชา ลาว และเกาหลีใต้ หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีในไทย ประกอบกับมีพอร์ตสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคและมีการจัดจำหน่ายกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 55% และในประเทศ 45%

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องกว่า 10 รายการและในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็จะทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องอีก 4-5 รายการ ซึ่งที่ผ่านมาได้เน้นรูปแบบ Go Mass คือการออกสินค้าในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ขนาดเล็กลง เช่น กุมิกุมิ เยลลี่ พร้อมกระจายสินค้าผ่านช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรดหรือร้านค้าแบบดั้งเดิม เช่น ร้านโชห่วย แผงลอย หรือร้านค้าต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไปกว่า 70,000 จุดจำหน่ายทั่วประเทศ ในปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 53%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ