UMS เผย Q2/50 กำไรพุ่ง 63% เหตุลูกค้าใหม่เพิ่ม-ตลาดถ่านหินโตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 14, 2007 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชัยวัฒน์  เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2550 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้จำนวน 531.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ที่มีรายได้ 326.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63% และมีกำไรสุทธิ 61.60 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 23.87 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 37.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63%
รายได้และกำไรสุทธิที่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นในส่วนของการดำเนินงานจากการขยายตัวของตลาดถ่านหินที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้าประมาณ 250 ราย และยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต และผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้เช่นเดียวกัน โดยมีความมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีเติบโตเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท
อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีแรก 2550 ปรับลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 27 จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับร้อยละ 30 เนื่องจากสาเหตุหลักคือ รายได้ในครึ่งปีแรก 2550 มีสัดส่วนรายได้ของลูกค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต่ำกว่าลูกค้าขนาดกลางและเล็กในสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ในขณะที่ปี 2549 มีสัดส่วนลูกค้ารายใหญ่เพียงประมาณร้อยละ 18
อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 25-30 โดยบริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังจะปรับเพิ่มขึ้นจากการปรับราคาถ่านหินขึ้นประมาณร้อยละ 5-10 ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 และบริษัทฯ มีโครงการที่จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในปีหน้า เช่น โครงการท่าเทียบเรือและคลังสินค้าที่ตำบลสวนส้ม โครงการของบริษัท ยูเอ็มเอส ไลท์เตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในการดำเนินการบริหารเดินเรือโป๊ะ เพื่อลดการจ้างบริษัทภายนอกลง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการถ่านอัดก้อน (Briquette) และโครงการแปลงถ่านหินเป็นก๊าซ ซึ่งจะมาช่วยเสริมการเติบโตในปีต่อๆไป โดยบริษัทได้วางเป้าหมายในระยะยาวว่าจะเติบโตร้อยละ 30 ในปี 2550-2552 หรือมีรายได้ประมาณ 2,800 ล้านบาทภายในปี 2552 ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ