นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) หรือ เคทิส เปิดเผยว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิตปี 63/64 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 62/63 ที่มีประมาณ 5.7 ล้านตัน แม้ว่าสภาพอากาศจะไม่เอื้อต่อการเติบโตของอ้อยมากนัก แต่ในปี 62/63 ปริมาณอ้อยเข้าหีบของบริษัทนับว่าปรับลดลงรุนแรงถึง 42.4% จากปีก่อนหน้า โดยบริษัทเตรียมจะเปิดรับอ้อยเข้าหีบสำหรับฤดูการผลิตใหม่ในช่วงปลายปี 63 ซึ่งปริมาณอ้อยที่มากขึ้นก็จะส่งผลให้สายธุรกิจต่างๆ มีวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตมากขึ้นด้วย "การรักษาการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรของบริษัท นอกจากจะมุ่งไปที่การสร้างอ้อยที่ดีขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพแล้วเนื่องจากกลุ่มเคทิสมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องครบวงจร จึงต้องบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวโน้มของแต่ละอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพด้วย"นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวอีกว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบของบริษัทในฤดูการผลิตในปี 62/63 แม้จะปรับลดลง 42.4% จากปีก่อน แต่ก็ยังดีกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมที่มีผลผลิตอ้อยทั้งระบบลดลง 42.8% จากปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ผลผลิตน้ำตาลของกลุ่มเคทิสทำได้ประมาณ 6.0 ล้านกระสอบ ลดลงจากปีก่อน 41.7% ดีกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลที่มีปริมาณน้ำตาลทรายลดลงถึง 43.1%
อย่างไรก็ตามรายได้ของสายธุรกิจน้ำตาลของกลุ่มบริษัท ในงวด 9 เดือนของรอบบัญชีปี 62/63 (ต.ค.62-มิ.ย.63) ยังมีการเติบโตจากปีก่อน 17.5% เพราะปริมาณการขายและราคาขายสูงกว่าปีก่อน และเป็นสายธุรกิจหลักที่ทำให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทในรอบ 9 เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.6% จาก 10,768.0 ล้านบาท เป็น 11,259.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ การควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลุ่มบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิในรอบบัญชีไตรมาสที่ 3 ปี 62/63 (เม.ย.-มิ.ย. 63) ได้ถึง 654.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 107.9 ล้านบาท
สำหรับทิศทางของสายธุรกิจเอทานอลนั้น ปริมาณการใช้เอทานอลเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วในช่วงหลังคลายการล็อกดาวน์มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะเห็นได้จากปริมาณการใช้เอทานอลเดือนมิ.ย.63 กลับมาสูงกว่า 4 ล้านลิตรต่อวัน มากกว่าเดือนพ.ค.63 ประมาณ 5 แสนลิตรต่อวัน และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าและความต้องการเยื่อกระดาษชานอ้อยก็เพิ่มขึ้นตามการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์