(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์กรอบจำกัดตามภูมิภาคขานรับวัคซีนต้านโควิดคืบหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 14, 2020 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์กรอบจำกัดหลังจากร่วงติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวขึ้นขานรับการกลับมาทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 เฟส 3 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) เป็นปัจจัยหนุนทางจิตวิทยา อย่างไรก็ดี ตลาดยังรอดูการประชุมธนาคารกลาง 3 แห่งสัปดาห์นี้ทั้งเฟด , BOJ และ BoE รวมถึงยังรอติดตามสถานการณ์ในประเทศทั้งประเด็นการเมืองและโควิด-19 มองแนวรับแถว 1,276 และ 1,270 จุด ส่วนแนวต้าน 1,290 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ในช่วงสั้น หลังจากดัชนีปรับตัวลงไป 5 วันติดต่อกัน ประกอบกับได้รับจิตวิทยาทางบวกหลังบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ประกาศกลับมาทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟส 3 อีกครั้ง ทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ขานรับในเชิงบวก

อย่างไรก็ตาม การรีบาวด์ของหุ้นไทยยังอยู่ในกรอบจำกัดและอาจสลับย่อตัวระหว่างวัน เนื่องจากสัปดาห์นี้มีปัจจัยต้องติดตาม โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลาง 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยเฉพาะเฟดต้องติดตาม dot plot ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในอนาคตของกรรมการเฟดแต่ละคน และจะเป็น dot plot ที่จะเห็นทิศทางปี 66 เป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. และการประชุมรัฐสภาในวันที่ 23 และ 24 ก.ย.ที่จะพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสะท้อนไปในตลาดแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยยังไม่ได้เป็นการระบาดในวงกว้างซึ่งน่าจะยังมีน้ำหนักต่อตลาดไม่มากนัก

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,276 และ 1,270 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,290 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,665.64 จุด เพิ่มขึ้น 131.06 จุด (+0.48%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,340.97 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด (+0.05%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,853.55 จุด ลดลง 66.05 จุด (-0.60%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.57 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 65.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 21.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.41 จุด, ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 8.58 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.63) 1,279.96 จุด ลดลง 10.93 จุด (-0.85%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 741.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.ย.63) ปิดที่ 37.33 ดอลลาร์/
บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.08%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.) อยู่ที่ 0.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.24/30 แนวโน้มทรงตัวในกรอบ 31.20-31.40 รอผลประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้
  • บริษัทอสังหาริมทรัพย์ แห่ระดมทุน "ตุนสภาพคล่อง"ทั้ง "ออกหุ้นกู้-ขายไอพีโอ" เผยตั้งแต่ไตรมาส 2 ยอดออกหุ้นกู้รวมแล้วกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท จ่อขายไอพีโออีก 4 บริษัท ขณะ "กระแสเงินสด" เพิ่มต่อเนื่อง หวังรับมือความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า ด้าน "นักวิเคราะห์" ประเมินความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลดลง แต่ห่วงการเติบโตระยะข้างหน้าหลังชะลอลงทุน
  • "คมนาคม" เทงบ 68 ล้านบาท ฟื้นแลนด์บริดจ์ชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง เร่งจ้างบริษัทศึกษาความเหมาะสม จ่อประกาศ TOR ภายในสัปดาห์นี้ คาดสรุปผลภายใน 8-12 เดือน ย้ำชัดช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์-กระตุ้นภาคอุตสาหกรรม
  • ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2563 ถึงหน่วยงานราชการทั่วประเทศเรื่องการใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2564 ไม่ทันวันที่ 1 ต.ค.2563 โดยให้เบิกจ่ายกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ใช้ก่อนได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของงบที่ตั้งไว้
  • สมาคมโรงแรมไทยเผยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ต้องเลิกจ้างพนักงานแล้ว 1 ล้านคน เสนอให้กระทรวงการคลังตั้งกองทุนเปิดวงเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยว ด้วยการให้รัฐเข้าร่วมทุนเข้ามารับซื้อหนี้จากผู้ประกอบการเป็นเวลา 7 ปี พร้อมขอให้ขยายเวลาโครงการ 'เราเที่ยวด้วยกัน'
  • รัฐบาลรับมือโควิดลากยาว "สุพัฒนพงษ์" เร่งทำแผนรับมือจ้างงาน อุ้มหนี้เอสเอ็มอี เตรียม 7.4 แสนล้านบาท รับมือปี 64 จัดงบกลาง 1.4 แสนล้านบาท ตุนวงเงินกู้ที่เหลือ 6 แสนล้านบาท เพลย์เซฟทยอยอนุมัติใช้ หวั่นระบาดรอบ 2 สำนักงบฯมั่นใจเพียงพอกู้วิกฤติ ชี้แผนสำรองขยายเพดานหนี้สาธารณะเกิน 60%
  • รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ไปเร่งจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือนิวเอสเคิร์ฟต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารและการแพทย์ที่มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการเพิ่มขึ้นทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมหลักอื่นๆ ที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจและเริ่มมีการใช้จ่ายภายในประเทศของประชาชนที่ทยอยเพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและยานยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KTC (หยวนต้าฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 37 บาท หลังมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยหลังจบการประชุมนักวิเคราะห์ โดยให้น้ำหนักกับการชำระเงินคืนของลูกหนี้และการใช้จ่ายผ่านบัตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มอง Q3/63 กำไรสุทธิมีแนวโน้มฟื้นตัว แม้จะเริ่มมีผลจากการปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อ แต่คาดจะถูกชดเชยด้วยการตั้งสำรองลดลงเพราะไม่มี Management Overlay มากเช่นใน Q2/63 ขณะที่ทั้งปีคงคาด KTC จะมีกำไรสุทธิ 5,363 ล้านบาท ลดลง 2.9%YoY และมองว่ากำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงจนกลับมามี Upside ราว 19.5% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2563
  • CPF (คิงส์ฟอร์ด) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 39.25 บาท คาด Q3/63 จะเติบโตขึ้นจากปัจจัยหนุนเรื่องราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคงสามารถรักษาระดับราคาที่สูงในต่างประเทศ (ในเวียดนามราคาหมูยังยืนที่ราว 70,000 ดอง/กก.) และเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายในประเทศ โดยความเคลื่อนไหวของราคาหมูและราคาไก่มีแนวโน้มที่ดีที่ 79-80 บาท/กก.และ 34 บาท/กก.ตามลำดับ ปรับตัวขึ้นจากราคาเฉลี่ย Q2/63 ที่ 66 บาท/กก.และ 29.7 บาท/กก. ได้ผลพวงความกังวลการระบาด African Swine Flu ทำให้มีรายย่อยเลิกเลี้ยงหมู ประจวบกับการระบาดโรค PRRS ทางภาคเหนือส่งผลให้ Supply หมูลดลง ประเมินกำไรสุทธิปี 63 และ 64 อยู่ที่ 21,324 ล้านบาท (+15.54%YoY) และ 22,542 ล้านบาท (+5.71%YoY) ตามลำดับ
  • GULF(ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 48 บาท โดย GULF มีกำหนดชำระเงินเพิ่มทุน 14-18 ก.ย. นี้ ซึ่งหากแล้วเสร็จคาดว่าจะไม่มีปัจจัย Overhang ราคาหุ้น ขณะที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% จากการลงทุนโครงการใหม่ๆ ซึ่งมากกว่า Dilution 10% จากการเพิ่มทุน พร้อมทั้งปรับกำไรปี 63-65 ราว -2%/8%/14% ตามลำดับ สะท้อนการลงทุนใหม่ๆตามแผนหลังเพิ่มทุน โดยมองบวกต่อแผนการลงทุนทั้งการเข้าลงทุนใน INTUCH เพื่อขยายไปยังธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนีและเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ