นายธีรพล โชติชนาภิบาล ที่ปรึกษาและกรรมการบริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าสามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 จะยืดเวลาไปอีก 4-5 เดือน เพราะไม่เชื่อว่าจะยืดยาวไปถึง 3-4 ปี โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือราว 1,000 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทเปิดทำการบินเส้นทางในประเทศไปแล้วกว่า 70% แล้ว ซึ่งทุกเที่ยวบินถือว่ามีกำไร ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดย NOK มีจำนวนเครื่องบินอยู่ทั้งสิ้น 22 ลำ แบ่งเป็นโบอิ้ง 737-800 จำนวน 14 ลำ และ Q400 จำนวน 8 ลำ
บริษัทยังจะเพิ่มการสร้างรายได้มากขึ้น โดยมีแนวคิดร่วมมือกับพันธมิตรสายการบินต่างประเทศเพื่อร่วมมือทางธุรกิจ กระจายความเสี่ยง, การปรับปรุงในเรื่องของบริการที่นำเสนอกับลูกค้าเพื่อเพิ่มมูลค่ามากขึ้น และ เพิ่มรายได้อื่นๆ เช่น การโฆษณา การขายของบนเครื่องบินให้มากขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังมุ่งเน้นการใช้เครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด (Utilization) โดยหลังจากภาครัฐเริ่มให้เปิดเส้นทางบินไปต่างประเทศได้ บริษัทก็จะทำการบินไปในต่างประเทศมากขึ้น และยังดำเนินการลดต้นทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของค่าเช่าเครื่องบิน ซึ่งที่ผ่านมา NOK ก็ได้มีการเจรจากับทางผู้ให้เช่า ปรับมาใช้รูปแบบการใช้มากก็จ่ายมาก ใช้น้อยจ่ายน้อย ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาในรูปแบบดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี 64 แล้ว
อนึ่ง NOK ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้วโดยศาลล้มละลายกลางมีกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 27 ต.ค.63