ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 50 จุดเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าหรือไม่ โดยตลาดปรับตัวลงแม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาดก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 50.56 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 13,238.73 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.12 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 1,457.64 จุด และดัชนี Nasdaq บวกขึ้น 2.14 จุดหรือ 0.08% ปิดที่ 2,565.30 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.25 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 19 ต่อ 15 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.7 พันล้านหุ้น
นายไมเคิล สตรอส นักวิเคราะห์จากคอมมอนฟันด์กล่าวว่า ความกังวลที่ว่าเฟดอาจลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อ แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัวขึ้น 4% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวขึ้นเพียง 3.4%
ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลง และยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง โดยยอดส่งออกสินค้าและการบริการของสหรัฐในไตรมาสที่ 2 พุ่งขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัวขึ้นเพียง 1.1% ขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าและการบริการปรับตัวลดลง 3.2%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ขยายตัวขึ้น 1.4% ต่ำกว่าในไตรมาสแรกที่ขยายตัวขึ้น 3.7%
"ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงบ่งชี้ได้ 2 ด้าน คือ ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความกังวลใจที่จะจับจ่ายใช้สอย และผู้บริโภคบางกลุ่มไม่มีอำนาจซื้อ" นายสตรอสกล่าว
นักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองแจ็คสันโฮลในคืนวันศุกร์ (ตามเวลาประเทศไทย) หลังจากเบอร์นันเก้ได้แจ้งให้วุฒิสมาชิกชาร์ลส์ ชูเมอร์ รับทราบว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดกำลังพยายามทุกวิถีทางหากพบว่าวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส์ได้ประกสศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของวาณิชธนกิจหลายแห่ง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.34 ดอลลาร์ ปิดที่ 171.38 ดอลลาร์ หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดิ่งลง 93 เซนต์ ปิดที่ 72.18 ดอลลาร์ และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ปรับตัวลง 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.16 ดอลลาร์
ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอ็ปเปิ้ลพุ่งขึ้น 2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 136.25 ดอลลาร์ หุ้นซิสโกบวกขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 31.43 ดอลลาร์ และหุ้นโมโตโรล่าเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 16.75 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--