บลจ.พรินซิเพิล แนะลงทุนกอง REIT-โครงสร้างพื้นฐาน หลังแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 15, 2020 18:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า จากภาพรวมอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกได้รับผลระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ช่วยเพิ่มความน่าสนใจต่อการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ประกอบกับการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดดีมานด์ใน REIT โดยเฉพาะ REIT ที่เข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอีคอมเมิรซ์ โลจิสติกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์

รวมถึงในช่วงที่ผ่านมากลุ่ม REIT และ Infrastructure Fund ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังคง Laggard เนื่องจากราคาไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามหุ้นกลุ่มอื่น ๆ หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสลงทุนในกองทุนเปิด พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP) ในจังหวะที่ราคาของ REIT มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดี ในราคาที่ถูก ซึ่งมองในระยะยาวมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต

นายจุมพล กล่าวว่า กองทุนเปิด พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม เป็นหนึ่งในกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากเดือนพฤศจิกายนปี 2555 ได้จ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 33 ครั้ง คิดเป็นอัตรารวม 6.295 บาทต่อหน่วย ล่าสุด กองทุน ได้ประกาศประมาณการจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 34 สำหรับงวดบัญชี 31 สิงหาคม 2563 แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) และชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) ในอัตรา 0.10 บาทต่อหน่วย กำหนดปิดสมุดทะเบียน (XD Date) ในวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งผู้ซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ปิดสมุดทะเบียนเป็นต้นไปจะไม่ได้รับเงินปันผลงวดดังกล่าว ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุน PRINCIPAL TREASURY ได้ตั้งแต่ 2 ตุลาคมนี้ ขณะที่ผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) จะได้รับเงินปันผลเข้าบัญชีเงินฝากในวันที่ 7 ตุลาคมนี้

จุดเด่นกองทุน PRINCIPAL iPROP ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2563) โดยมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่จดทะเบียนในไทยและเอเชียแปซิฟิก เน้นทรัพย์สินที่มีคุณภาพดี มีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคง ภายใต้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Bottom up Stock Selection เลือกลงทุนในหลักทรัพย์คุณภาพที่ราคาเหมาะสมและมีโอกาสเติบโต โดยมีทีมจัดการลงทุนในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนใน REIT และ Infrastructure Fund รวมทั้งความร่วมมือกับทีมจัดการลงทุนระดับภูมิภาค ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ