นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/63 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/63 ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้รายได้ในปีนี้จะเติบโตแตะ 1.3 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะกลับมาผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับบริษัทแม่ คือบมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) หลังได้มีการหยุดซ่อมบำรุงไปในครึ่งปีแรก และได้กลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มที่ในไตรมาส 3/63 ทำให้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้านอกเหนือจากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้ามาเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อโรงไฟฟ้าขยะกับผู้ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ราว 2-3 โครงการ และยังเตรียมเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติมอีก 10 โครงการ โดยคาดหวังว่าจะชนะประมูล 3 โครงการ ซึ่งจากแผนงานดังกล่าวทำให้คาดว่าในปี 68 จะมีโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มอีก 120 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะเข้ามาชดเชยส่วนเพิ่มของราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่จะหมดลงในปี 68
ปัจจุบันบริษัทจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) รวมจำนวน 440 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น การผลิตและจำหน่ายให้กับ TPIPL จำนวน 260 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 180 เมกะวัตต์ และหากสามารถซื้อโรงไฟฟ้าได้เพิ่มเติมก็จะส่งผลทำให้ในปี 68 บริษัทสามารถขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รวมเป็น 300 เมกะวัตต์
สำหรับการขยายโรงคัดแยกขยะและผลิตเชื้อเพลิง RDF เพิ่มเติม ปัจจุบันบริษัทได้มีการก่อสร้างโรงผลิต RDF ใน LINE ที่ 9, 10 เพื่อรองรับการใช้ RDF ในการเพิ่มปริมาณการผลิตของโรงไฟฟ้า และใน LINE ที่ 11-13 เพื่อรองรับการผลิต RDF ในการขายให้กับ TPIPL เนื่องจากทางบริษัทแม่มีการปรับเปลี่ยนโครงการ โดยจะนำ RDF มาใช้ทดแทนถ่านหิน เพื่อประหยัดต้นทุนในการผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งจะมีความต้องการ RDF เพิ่มขึ้น 1,200-1,500 ตัน/วัน และบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการขาย RDF เพิ่มขึ้นปีละ 350-450 ล้านบาท และน่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายให้กับบริษัทแม่ได้ภายในปลายปีนี้ ขณะที่ก็ได้ไปตั้งโรงคัดแยกเพิ่มอีก 10 แห่ง มีกำลังผลิตสามารถรองรับขยะที่เข้ามาได้ 200 ตัน/วัน