โบรกฯเชียร์"ซื้อ" GPSC จากเติบโตพร้อมกลุ่มปตท.หนุนเพิ่มอัพไซด์ระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 16, 2020 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) มองโอกาสการเติบโตจากการเป็นเรือธง (Flagship) ด้านธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในเครือบมจ.ปตท. (PTT) ที่ยังมีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง ช่วยเพิ่ม Upside ราคาหุ้นระยะยาว ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/63 อยู่ในทิศทางที่ดีจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีราคาต่ำ แม้อาจถูกกดดันจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนของโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 ตั้งแต่เดือนมิ.ย. แต่ก็มีการทำประกันความเสียหายไว้บางส่วนซึ่งอาจได้รับเงินเคลมประกันเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

ขณะที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวแล้ว รวมถึงยังปรับฐานตาม Sentiment เชิงลบของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบกับราคาหุ้นยังมี Upside ค่อนข้างมากจากราคาพื้นฐาน จึงยังมีความน่าสนใจลงทุน

พักเที่ยงราคาหุ้น GPSC อยู่ที่ 63.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.78% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.01%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า (ประเทศไทย)             ซื้อ                       73.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)               ซื้อ                       80.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                 ซื้อ                       78.00
          เอเซีย พลัส                      ซื้อ                       91.00
          เอเชีย เวลท์                     ซื้อ                       90.00
          ยูโอบี เคย์เฮียนฯ                  ซื้อ                       85.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                 ซื้อ                       95.00

นักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การที่ปตท.ปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าด้วยการเข้าถือหุ้นเพิ่มใน GPSC เป็น 31.72% จากเดิม 22.81% นั้น ทำให้ GPSC มีความคล่องตัวในการลงทุนโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการที่จะร่วมกับกลุ่มปตท. อย่างโครงการ Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ (MW) ในเมียนมา ซึ่งคาดว่าจะได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed) จากรัฐบาลเมียนมาในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการที่ปตท.วางเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนถึง 8,000 เมกะวัตต์ ก็น่าจะทำให้ GPSC มีบทบาทหลักในส่วนนี้มากขึ้น

ส่วนการปิดซ่อมฉุกเฉินของโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 นั้น เนื่องจากการชำรุดของเครื่องจักร คาดว่าจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งในเดือนต.ค.63 ขณะที่ GPSC หันไปจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าอื่นที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าแทน ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะลดลงราว 300-375 ล้านบาท แต่ GPSC จะได้รับเงินประกันชดเชยในภายหลัง ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติในปี 63 ที่ 7.39 พันล้านบาท เติบโตราว 52.1% จากปีก่อน

ด้านราคาหุ้น GPSC ในปัจจุบันนับได้ว่าปรับฐานสะท้อนปัจจัยเชิงลบระยะสั้น ตาม Sentiment ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และการหยุดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของ GLOW เฟส 5 ไปแล้ว ทำให้เห็น Upside เพื่อการลงทุนในระยะยาวมากขึ้น ขณะที่ราคาปัจจุบันก็ยังมี Upside จากราคาพื้นฐานกว่า 40%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรของ GPSC ในไตรมาส 3/63 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้านั้นมีราคาที่ต่ำ ประกอบกับลูกค้ากลุ่มปตท. และปิโตรเคมี คิดเป็น 35% และ 50% ของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ 1 ใน 4 ของรายได้ของ GPSC นั้นยังมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในสัดส่วน 70-80% ขณะที่กลุ่มลูกค้ายานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นั้น มีสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้น

บทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่ากำไรของ GPSC ในครึ่งแรกของปีนี้ทำได้ 53% ของคาดการณ์ทั้งปี ทำให้ยังคงประมาณการเดิม เพราะมองว่าผลกระทบเชิงลบกรณีหยุดซ่อมบำรงโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นอกแผนตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 และคาดว่าจะกลับมาผลิตได้อีกครั้งในเดือนต.ค.63 นั้น จะกระทบต่อกำไรในครึ่งหลังของปีนี้ราว 300 ล้านบาท และการปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) 0.83 สตางค์/หน่วย ในเดือนก.ย.-ธ.ค.63 จะกระทบราว 30 ล้านบาท ก็จะสามารถชดเชยได้จากการเริ่มรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า NNEG ส่วนต่อขยาย 18 เมกะวัตต์ และการเข้าสู่ไฮซีซั่นของปริมาณน้ำในไตรมาส 3 ของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ขณะที่ต้นทุนถ่านหิน และก๊าซฯที่ต่ำลง โดยผู้บริหารคาดว่าราคาก๊าซฯช่วงครึ่งปีหลังจะลดลง 10% จากงวดปีก่อน หรือราว 25-27 บาท/ล้านบีทียู ทำให้คาดว่าจะลดต้นทุนลงได้ 400 ล้านบาท

สำหรับการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นั้น ก็มีการประกันภัยค่าความเสียหายส่วนเกิน 50 ล้านบาท และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจส่วนเกิน 60 วัน ซึ่งจะเข้ามาลดผลกระทบได้ โดยเงินเคลมประกันอาจเข้ามาปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

นอกจากนี้ระยะยาว GPSC ยังเป็นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง โครงสร้างเงินทุนมั่นคงด้วยสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำ 1.1 เท่า เทียบกับคู่แข่งที่ 2-3 เท่า นอกจากนี้ยังมีการเติบโตในอนาคตที่มั่นใจได้เพราะเป็น Flagship ด้านไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในเครือปตท. ซึ่งเชื่อว่าจะมีการทุ่มทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานของโลก รวมทั้งโอกาสเติบโตไปพร้อมการขยายการลงทุนของกลุ่มด้วย ทำให้มองว่าการปรับฐานระยะสั้นของราคาหุ้นจึงเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อรับการเติบโตระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ