นายวีรสิทธิ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นทิศทางเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และทำให้รายได้ทั้งปี 63 เติบโตขึ้นจากปี 62 ค่อนข้างมาก ปัจจัยหนุนหลักมาจากบริษัทลูกของ STA คือ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) ที่คาดว่าผลดำเนินงานจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากออเดอร์ถุงมือยางที่เข้ามามาก
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปริมาณขายถุงมือยางในช่วงครึ่งปีหลังของ STGT จะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่ขายไปได้ 1.37 หมื่นล้านชิ้น ขณะที่ราคาขายถุงมือยางยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 3/63 ราคาขายถุงมือยางของ STGT สูงขึ้น 70% จากไตรมาส 2/63 และในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 12% ส่งผลช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ STGT และส่งผลดีมาถึง STA ซึ่งเป็นบริษัทแม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจหลักของ STA ที่อยู่ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติจะชะลอตัวลง จากกลุ่มลูกค้าหลักได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดทำให้เศรษฐกิจหดตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ลดลง ประกอบกับมีผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ในบางประเทศปิดตัวลงไป ส่งผลทำให้คำสั่งซื้อยางธรรมชาติเพื่อใช้ในการผลิตยางล้อรถยนต์ลดลงไปค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณกลับมาฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ยังถือว่ายังน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด-19
"เรามั่นใจว่าในปีนี้เป็นปีที่ดีของ STA โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติชะลอตัวจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก แต่มั่นใจว่า STA จะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีกว่าภาพรวมตลาด จากการใช้กลยุทธ์ Selective Selling และความต้องการใช้ถุงมือยางที่มีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก"นายวีรสิทธิ กล่าว