นายวิชัย สันทรวุฒิกุล กรรมการบริหาร และผู้จัดการฝ่ายอาวุโส-สำนักบริหาร บมจ.อาซีฟา (ASEFA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1,240 ล้านบาท จากสิ้นเดือน มิ.ย.63 มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2,518 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน Manufacturing Product จำนวน 1,192 ล้านบาท, Supplied&Distributed Product 247 ล้านบาท และ Engineering Services 1,079 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีราว 50-60% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปในปี 64-65
บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีกมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชน ปัจจุบันยังคงชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมองว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาคเอกชนกลับมาลงทุน คือ การผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง แต่บริษัทยังคงดำเนินงานตามแผนที่วางไว้เพื่อรักษาระดับการทำรายได้ให้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 2,562.14 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองโอกาสเข้าไปรับงาน Mega Trends ทั้งงานรถไฟฟ้ารางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและรอบนอก, การขยายสนามบิน, ระบบ Underground, การขยายสถานีไฟฟ้าย่อย, Health Care, โครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่, โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ, โรงไฟฟ้าโซลาร์, Data Center และ Smart Grid/ Smart City/ IOT เป็นต้น
ขณะที่แผนการลงทุนจากนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ New Business Partners หรือ การขยายพันธมิตรไปในธุรกิจใหม่ๆ และการส่งเสริม Startup, New Products อย่าง โซลาร์ บริษัทยังคงส่งเสริมอุปกรณ์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้า, New Distribution Channels เช่น การเสนอแพ็คเกจโซลูชั่น และ One Stop Services รวมถึงการโฟกัสไปที่ End Users ซึ่งจะทำให้ ASEFA ได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้า