นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีวันนี้ปรับลงแรง เกิดจากการขายของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการสภาพคล่อง เพื่อไปชดเชยการขาดสภาพคล่องและการคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยของกองทุนที่ได้รัลบผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม โดยคาดว่าวันนี้อาจจะเทขายถึงระดับหมื่นล้านบาท จากวานนี้ที่ขาย 5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ดัชนี SET มีโอกาสปรับลดลงได้อีก
"การขายของต่างชาติวันนี้ เหมือนเป็นการถูกบังคับขายโดยไม่ได้สนใจปัจจัยพื้นฐาน เพราะต้องการสภาพคล่องเพื่อคืนผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนั้นโอกาสที่ดัชนีจะปรับลงยังมีต่อ" นายกวี กล่าว
ขณะนี้นักลงทุนยังคงมีความกังวลกับปัญหาซับไพร์ม และยังไม่มีใครบอกได้ว่าจุดต่ำสุดของดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ที่ไหน แต่วันนี้สหรัฐจะมีการประกาศตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ หากตัวเลขออกมาไม่ดีก็แสดงให้เห็นว่าซับไพร์มกระทบต่อภาค Real Sector มาก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อตัวเลขเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ด้วย
นายกวี กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องรอดูตัวชี้วัด ได้แก่ ดัชนีความผันผวน(WIX Index)ที่ขณะนี้อยู่ในระดับนิวไฮ, ค่าเงินเยนว่ามีโอกาสอ่อนลงหรือไม่ รวมทั้งค่าเงินบาทด้วย เพราะหากบาทอ่อนค่าลงแสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและนำเงินออกนอกประเทศไปแล้ว
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ควรรอดูสัญญาณจากนักลงทุนต่างชาติก่อนว่าเริ่มนิ่งเมื่อไหร่
นายรพี สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กสิกรไทย มองว่า ดัชนี SET สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 860 จุด และประเมินว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้าดัชนีจะอยู่ที่ 940 จุด หลังจากที่การเมืองคลี่คลาย ถึงแม้ในตอนนี้ปัญหาซับไพร์มอาจจะทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่เชื่อว่าเป็นปัญหาระยะสั้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะขยายตัวได้ 4% และปีหน้าที่ 5%
นายรพี กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่น่ากังวลและเป็นห่วงคือร่างรัฐธรรมนูญว่าจะรับหรือไม่ และการเลือกตั้ง รวมถึงจะมีความรุนแรงหรือไม่ด้วย ส่วนปัญหาซับไพร์มน่าจะจบได้ในไม่ช้า ซึ่งปัจจุบันสินเชื่อซับไพร์มมีมูลค่าแค่ 10% ของสินเชื่อรวมของสหรัฐ และมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่ามีผลขนาด panic ในบ้านเรา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวยังน่าลงทุนแน่นอนทั้ง PE ที่ยังถูกและเชื่อว่าเมื่อปัญหาดังกล่าวคลี่คลายไปนักลงทุนต่างชาติก็จะกลับเข้ามาลงทุน
--อินโฟเควสท์ โดย ตลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--