นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้น ลุ้นทดสอบระดับ 1,300 จุด หลังการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมาไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และก็ผ่านพ้นการปรับน้ำหนักลงทุนของฟุตซี่ไปแล้ว ทำให้ตลาดฯน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในวันนี้ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงานน่าจะปรับขึ้นได้แล้วหลังจากราคาน้ำมันขึ้นไป 4 วันที่ผ่านมา แต่กลุ่มพลังงานยังไม่ค่อยขยับขึ้นจากแรงกดดันการปรับน้ำหนักของฟุตซี่
นอกจากนี้เงินบาทก็แข็งค่าขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่น่าจะขายออกมามาก ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19, สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐฯ, สถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน
ส่วนบ้านเราให้รอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธนี้ (23 ก.ย.) และรอดูการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ รวมถึงรอติดตามการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 24 ก.ย.ซึ่งก็ไม่ได้ให้น้ำหนักมากเท่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,310 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,657.42 จุด ลดลง 244.56 จุด (-0.88%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,319.47 จุด ลดลง 37.54 จุด (-1.12%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,793.28 จุด ลดลง 116.99 จุด (-1.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.04 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.79 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันผู้สูงอายุ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.63) 1,288.39 จุด เพิ่มขึ้น 3.99 จุด (+0.31%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,171.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ย.63) ปิดที่ 41.11 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.) อยู่ที่ 0.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.97/31.00 แข็งค่าสุดรอบ 3 เดือน หลังชุมนุมการเมืองสุดสัปดาห์ไม่มีเหตุรุนแรง
- รฟท.เตรียมเปิดประกาศ TOR ประมูล รถไฟทางคู่ 2 สายใหม่ "เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ" และ "บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม" ค่าก่อสร้างรวมกว่า 1.28 แสนล้านบาทในเดือน ต.ค.-พ.ย. นี้ พร้อมเร่งชงครม.ออกพ.ร.ฎ.เวนคืน เปิดพื้นที่ก่อสร้างในปี 64
- ส.อ.ท.เผยข้อเสนอ 9 ประเด็นฟื้นธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หวังให้ที่ประชุม "ศบศ." พิจารณาเพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งยืดชำระเงินกู้ 2 ปี สนับสนุนสินค้าไทยเป็นวาระแห่งชาติ ขยายระยะเวลา ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ ออกไปอีก 2 ปี โดยยังคงสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเงินลงทุนเดิมไว้
- ก.ล.ต.เตรียมออกเกณฑ์ตั้ง"กองรีท" ใหม่ เบื้องต้นวาง 2 แนวทาง หวังช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่ขาดสภาพคล่องจากพิษโควิด-19 คาดมีผลบังคับใช้ไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมยกเลิกกำหนดรายได้จากค่าเช่าที่ต้องเกินระดับ 75% หวังเปิดทางผู้ประกอบการเพิ่มความยืดหยุ่น
- "พาณิชย์" อัดงบ 600 ล้านบาท ดันส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 3 แสนตัน ดีเดย์ ต.ค.63-มี.ค.64 พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการเจรจา FTA ไทย-อียู หวังช่วยสร้างโอกาสการแข่งขันให้สินค้าไทย
- นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในเดือนตุลาคม 2563 ให้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อช่วยเหลือ ผู้เช่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหาร หนองคาย และตาก เพราะขณะนี้ยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพื่อขยายเวลาเช่าจาก 30 ปี เป็น 50 ปี ยกเว้นค่าเช่าในช่วง 2 ปีแรก ชำระเพียงค่าธรรมเนียม หวังจูงใจเอกชนให้มาลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะสามารถวางแผนลงทุนระยะยาว
*หุ้นเด่นวันนี้
- CFRESH (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร"ทิศทางผลการดำเนินงานดีขึ้นโดย หากไม่นับรายการกำไร/ขาดทุนจาก FX แล้ว Q2/63 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 10.45 ล้านบาท(ปรับตัวขึ้นจาก Q2/62 ที่ -40.88 ล้านบาท) ทางบริษัทเคยแจ้งว่ามีการจัดตั้งบ.ย่อยที่ประเทศอังกฤษ 44FOOD LIMITED เพื่อประกอบธุรกิจ E-Commerce สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร คาดว่าจะเป็นผลบวกระยาวต่อ CFRESH โดยจะสามารถขยายตลาดของสินค้า CFRESH ได้(โดยสหภาพยุโรปเป็นตลาดสำคัญของ CFRESH คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าการจำหน่ายราว 60-70%) ขณะที่ราคากุ้งแวนนาไมแบบ 70 ตัว/กก.(วัตถุดิบ)เดือนส.ค.63 ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ระดับ 140 บาท/กก. นอกจากนี้กำลังผลิตของ CFRESH ยังสามารถรองรับ order ได้อีกจำนวนมาก(อ้างอิงจากปี 62 มีการใช้กำลังผลิตเพียง 37.81% โดยมีกำลังผลิตเต็มที่ 30,000 ตัน/ปี)
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ยังมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน H2/63 แม้ในด้าน Loan Growth อาจถูกกดดันจากโครงการสินเชื่อของออมสิน แต่ชดเชยได้จากสำรอง ECL ที่ลดลงเช่นกัน โดยคาดกำไรปี 2563 +15% Y-Y และเร่งตัวเป็น +24% Y-Y ในปี 2564 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดซึ่งอยู่ในระดับต่ำและมีโอกาสที่ธปท.อาจลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ยังเป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์
- CBG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 145 บาท ราคาหุ้นลดลง 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมามองสะท้อนผลลบจากเมียนมา lockdown กรุงย่างกุ้งไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการยังเติบโตได้ทั้งยอดขายและจากการลดต้นทุน