นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้และกำไรสุทธิปี 63 จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,576 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 278 ล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกจะทำผลการดำเนินงานได้ดี โดยมีรายได้อยู่ที่ 994 ล้านบาท และกำไรสุทธิประมาณ 143 ล้านบาท แต่คาดว่าผลการดำเนินงานน่าจะอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ คาดรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะทำได้เพียง 500 ล้านบาท เนื่องด้วยรายได้ในไตรมาส 3/63 มีแนวโน้มลดลงกว่าไตรมาส 2/63 หลังงานโครงการใหญ่ 1 โครงการติดปัญหาการประเมินรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าไปเริ่มงานได้ และส่งผลทำให้การใช้กำลังการผลิตหรือเครื่องจักรในไตรมาสนี้หายไปประมาณ 5 ชุด จากเป้าหมายเดิมที่คาดใช้เครื่องจักรราว 18 ชุด จากไตรมาสก่อนหน้าใช้ไป 13-14 ชุด
ประกอบกับงานประมูลภาคเอกชนที่ออกมาค่อนข้างน้อย ทำให้สภาวะการแข่งขันในตลาดสูงขึ้น อาจกระทบกับมาร์จิ้นของบริษัทบ้าง ซึ่งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิปีนี้ก็น่าจะปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันงานภาครัฐเอง แม้จะมีออกมาค่อนข้างมาก แต่โครงการที่ดำเนินงานได้จริงนั้นยังมีน้อย
อย่างไรก็ตามงานที่ได้รับในช่วงที่ผ่านมา บริษัทก็ได้เข้าไปเริ่มดำเนินงานบ้างแล้ว เช่น ทางด่วนดาวคะนอง พระราม 2 รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ชนะประมูลงาน ได้แก่ โครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา, รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการสนามบินอู่ตะเภา และรอเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีม่วง และสีแดงส่วนต่อขยาย เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ ก็พยายามที่จะเข้าประมูลงานในทุกโครงการ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 619.7 ล้านบาท แบ่งเป็น งานภาคเอกชน 73% และภาครัฐ 27% คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือจะรับรู้รายได้ไปในเดือนม.ค.-ก.พ.64
นายชเนศวร์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3/63 จากงานโครงการใหญ่ที่ติดปัญหาดังกล่าวน่าจะกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ โดยวางเป้าหมายใช้เครื่องจักรไว้ที่ 20 ชุด รวมถึงงานประมูลก็น่าจะมีออกมามากขึ้น
"ครึ่งปีแรกเราทำได้แล้วเกือบ 1,000 ล้านบาท จากทั้งปีก่อนทำได้ 1,500 กว่าล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือก็คิดว่ายังมีความเป็นไปได้ที่เราจะทำไปให้ถึงปีที่แล้ว แม้ปัจจุบันจะสะดุดบ้าง เนื่องจากเราเจอปัญหาโครงการหนึ่งที่เป็นโครงการใหญ่ที่เราได้รับมา และคิดว่าจะได้เริ่มงาน โดยเราก็มีการย้ายของเข้าไปแล้วแต่ก็ต้องชะลอออกไป เพื่อให้ฝั่งเจ้าของโครงการเคลียร์ปัญหาเรื่อง EIA ก่อน ทำให้เราก็ต้องรอด้วย ขณะเดียวกันการนำโครงการอื่นเข้ามาแทนก็ไม่สามารถทำได้ จากเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เหล็กถึง 5 ชุด"นายชเนศวร์ กล่าว