โบรกฯชี้ UEC หุ้นเล็กพื้นฐานดีตามแนวโน้มปิโตรเคมี มองเต็มมูลค่าแนะถือ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 24, 2007 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์ประเมินหุ้น บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) หุ้นเล็กพื้นฐานดี ผลประกอบการเติบโตตามแนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเฉพาะการขยายการลงทุนในเครือ บมจ.ปตท.(PTT) เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ด้วยความที่พื้นฐานแข็งแกร่งทำให้ราคาหุ้นไม่ค่อยปรับลง โบรกฯส่วนใหญ่แนะ"ถือ"หลังราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้วจากผลประกอบการ Q2/50 ที่ออกมาดี
โบรก แนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.เอเซีย พลัส ถือ 30.40
บล.แอ๊ดคินซัน ถือ แนวต้าน 30
บล.ฟาร์อีสท์ ขายทำกำไร ถ้าหลุดแนวรับ 27.50
บล.พัฒนสิน ถือ 26.40
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เต็มมูลค่า 27.00
น.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น UEC ปรับขึ้นมาค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/50 ออกมาดีกว่าคาด เป็นผลจากดีมานด์สูงกว่าซัพพลาย โดยชิ้นส่วนอุปกรณ์โรงงานที่เป็นสินค้าหลักของท UEC เป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่ม PTT กำลังขยายการลงทุนออกไปอีกมาก
สำหรับผลิตภัณฑ์หลักของ UEC ทั้ง Pressure Vassel ซึ่งเป็นถังความดันสูง ขณะนี้ผลิตเต็มกำลัง(capacity)แล้ว ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าปีหน้าโรงงานที่สร้างใหม่จะแล้วเสร็จและสามารถ operate ได้เมื่อใด
"บริษัทยัง growth มีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ในแง่ของกำไร แต่ต้องเห็นภาพงานที่บริษัทจะรับมาก่อนว่ามากแค่ไหน โรงงานใหม่ที่สร้างเสร็จจะสามารถสร้างงานใหม่ได้มากแค่ไหน"น.ส.นลินรัตน์ กล่าว
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ็ดคินซัน กล่าวว่า แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/50 จะออกมาดี แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว หากนักลงทุนที่มีอยู่แล้วแนะนำ"ถือ"มากกว่าจะเข้าไปซื้อ
"ราคาหุ้นปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ใกล้ๆ แถว 30 บาท ถ้ามีแนะนำถือ ทางเทคนิคมีแนวต้านอยู่ตรง 30 บาท" นายรณกฤต กล่าว
เช่นเดียวกับ นายณาศิส ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ ที่แนะนำว่า หากราคาหุ้น UEC หลุด 27.50 บาทควรจะขายทำกำไรออกไปก่อน เพราะราคาปรับขึ้นมามากแล้ว และช่วงนี้ตลาดโดยรวมไม่ค่อยดี แต่หากราคายืนที่ 27.50 บาทได้ก็สามารถซื้อได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ค่อนข้างดีพอสมควร โดยปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 1.8 พันล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 1.6 พันล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/50 มากกว่าไตรมาส 1/50 พื้นฐานของบริษัทเป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งก็น่าจะอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง
"พื้นฐานถือว่าใช้ได้ แต่ปัญหาคือ sentiment ของตลาดไม่ค่อยดีในช่วงนี้"นายณาศิส กล่าว
มองว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 2/50 เป็นต้นไปน่าจะเติบโตต่อเนื่อง ด้วยประเด็นหลักคือการเติบโตตามกลุ่มปิโตรเคมีที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับวัฏจักรของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งบริษัทได้ขยายการรับงานเข้าไปในบริษัทเครือ PTT และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทยด้วย จึงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการ
"โดยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่งจะสังเกตว่าราคาหุ้นไม่ค่อยลง จึงต้องมองแนวรับที่ให้ว่าถ้าหลุดลงมาแนะนำขายไปก่อน และค่อยรับใหม่ ช่วงนี้ดู sentiment เป็นหลัก"นายฌาศิส กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน แนะ "ถือ" ราคาหุ้นที่ยืนอยู่ได้เนื่องจากผลประกอบการออกมาดีให้ราคาพื้นฐานที่ 26.40 บาท ครึ่งปีหลังมองว่าในแง่ยอดขาย รายได้คงขึ้นต่อ แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว gross margin อาจจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย bottom line ถ้าเทียบกับครึ่งปีแรกน่าจะโตต่อ ถ้าเทียบกับปีที่แล้วอาจจะทรงๆ
"แนะถือมองว่าธุรกิจทางด้านปิโตรฯ ยังดีอยู่เพราะการลงทุนค่อนข้างเยอะ พื้นฐานค่อนข้างดีเพียงแต่ราคาปรับขึ้นมามากแล้วใกล้เต็มมูลค่า" นักวิเคราะห์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่าผลประกอบการ UEC ในครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งมอบงานที่มากขึ้น คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็จะดีกว่าในครึ่งปีแรกด้วยจากการที่บริษัทสามารถเลือกรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงได้มาก เพราะขณะนี้มีผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการผลิตเครื่องจักร,อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีสูงและต้องใช้ประสบการณ์สูงอย่าง UEC ไม่มากนัก ในขณะที่งานสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีมีมากขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมดังกล่าว
ดังนั้น เชื่อว่า UEC จะทำผลกำไรทั้งปีได้ 323 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 12% yoy ได้ ตามที่คาดไว้อย่างไม่ยาก และในปีหน้าผลกำไรจะเติบโตต่อได้อีก 19% yoy หลังโรงงานใหม่เปิดดำเนินการได้ตั้งแต่ปลายปี 2550 จึง
ปรับราคาที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 27.00 บาท ซึ่งอิง PER 12 เท่า (เป็น PER ที่สูงกว่า PER ของตลาด MAI ที่อยู่ที่ 11.2 เท่า เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง) ของปีนี้
ราคาหุ้นปัจจุบันจัดว่าเต็มมูลค่าแล้ว โดยซื้อขายที่ PER 12.8 เท่า, P/BV 3.5 เท่า, อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.8% และมีราคาสูงกว่าราคาเป้าหมายอยู่ 7% ความเสี่ยงของบริษัทในการรับและส่งมอบงานเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ได้
ทั้งนี้ เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามากถึง 53% ในช่วง 2 เดือน ได้สะท้อนปัจจัยบวกในเรื่องผลการดำเนินงานของบริษัทไปหมดแล้ว แม้จะปรับราคาที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำ"เต็มมูลค่า"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ