นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการ บมจ. ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (TIES) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 11 ส.ค.มีมติตัดสินใจชะลอการพิจารณาเพิ่มทุนออกไปเป็นช่วงปลายๆ Q3/50 เนื่องจากเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะเพิ่มทุน เพราะมีตัวแปรหลายอย่าง เช่น การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ส.ค.นี้ และการเลือกตั้งปลายปี ซึ่งเชื่อว่ากว่าบรรยากาศการลงทุนจะเริ่มดีขึ้นน่าจะเป็นช่วง Q2/51
"กรรมการคุยกันเรื่องสภาพเศรษฐกิจโดยรวมว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะในช่วง 2 อาทิตย์เศรษฐกิจปั่นป่วนพอสมควร โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นบ้านเราก็ปรับตัวลดลงมาเยอะจากที่คาดว่าจะขึ้นไปถึง 900 จุด ก็เลยมานั่งคิดกันว่าเรื่องการวางแผนของธุรกิจปีหน้าจะขอดูอีกสักพัก ว่าจำเป็นต้องรีบเพิ่มทุนตอนนี้มั้ย ก็ขอดูอีกนิดนึง น่าจะตอนใกล้ๆหมดไตรมาส 3 ซึ่งเราต้องทำแผนธุรกิจของปีหน้าอยู่แล้ว คงจะตัดสินใจอีกทีตอนนั้น"นายอัศวิน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
*2 ผถห.ใหญ่ตัดสินใจลดสัดส่วนหุ้นลง 10% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้น
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานกรรมการ และ นายสมพล เต็มสุข รองประธานกรรมการ ในการลดสัดส่วนการถือหุ้นลง โดยเบื้องต้นทั้งสองจะขายหุ้นออกรวมกัน 10% จากที่ถือรวมกันอยู่ประมาณ 74.08% หรือคิดเป็นจำนวนหุ้น 99,999,500 ล้านหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น TIES ในตลาดหลักทรัพย์
"ตอนนี้หุ้น TIES ที่ถือโดยกองทุนมีตั้ง 10 กว่าล้านหุ้น เพราะฉะนั้นจะเหลือฟรีโฟลตน้อยมากประมาณ 10 กว่า% น้อยเกินไป ทั้งผมและคุณสมพลจึงตัดสินใจจะทยอยลดสัดส่วนหุ้นลงเพื่อให้มีหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมุ่งมั่นจะให้มีฟรีโฟลตประมาณ 13.5 ล้านหุ้นในตลาด หรือคิดเป็น 10% ของหุ้น TIES ทั้งหมด 135 ล้านหุ้น"นายอัศวิน กล่าว
ณ วันที่ 8 พ.ค.50 ผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกของ TIES ประกอบด้วย นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ 50,999,800 หุ้น คิดเป็น 37.78%, นายสมพล เต็มสุข 48,999,700 หุ้น คิดเป็น 36.30%, กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ 4,449,800 หุ้น คิดเป็น 3.30%, นางวีณา เหล่าประภัสสร 2,828,500 หุ้น คิดเป็น 2.10% และ THAI CAPITAL FUND 2,709,200 หุ้น หรือ 2.01%
อย่างไรก็ตาม นายอัศวินและนายสมพล จะยังคงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TIES ต่อไป
"ยืนยันจะขายออกเพียงแค่เพิ่มสภาพคล่องให้หุ้น เพราะเรา 2 คนขายออกคราวนี้แล้วก็ยังถืออยู่อีกตั้ง 64% และบอร์ดก็เห็นด้วยว่าจำเป็น เพราะคนมองหุ้น TIES ดูดีมีคุณภาพ แต่เจ้าของเก็บหมด นักลงทุนรายย่อยก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็คงจะรอจังหวะและโอกาส...ตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะที่จะขายตอนนี้"นายอัศวิน กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--