บล. โกลเบล็ก หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังมีความผันผวนสูง โดยคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,300 จุด แม้จะได้ปัจจัยหนุนจากสภาพัฒน์เตรียมเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจากแผนฯ ฉบับที่ 12 ภายใต้กรอบแนวคิด "ล้มแล้วลุกไว" รองรับการใช้ชีวิตแบบใหม่หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศในโครงการ "คนละครึ่ง" และโครงการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะเริ่มเปิดใช้ต้นเดือนต.ค.
สำหรับปัจจัยในประเทศที่น่าจับตา อาทิ วันที่ 23 ก.ย. ติดตามประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งที่ 6/2563, วิป 3 ฝ่าย ได้แก่ วิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิก (ส.ว.) นัดหารือก่อนสภาจะมีการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 24 ก.ย.
นอกจากนี้ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตาและมีผลต่อการลงทุนในขณะนี้ อาทิ อียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย. ส่วนสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และสต็อกน้ำมัน เปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และในวันที่ 24 ก.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ส่วนกลุ่มชุมนุมทางการเมืองนัดชุมนุม
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway Down โดยประเด็นหลักยังอยู่ที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ ประธานเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูง และนักลงทุนกังวลมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรป
ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายวิจัย แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก iPhone 12 เตรียมขายในเดือนต.ค. ได้แก่ COM7-SPVI-CPW-SYNEX-JMART เนื่องจากเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและท่องเที่ยว โรงพยาบาลที่มีลูกค้าต่างชาติสัดส่วนสูง และบริการนวดสปา ได้แก่ AOT- MINT-ERW-CENTEL-BH-BDMS-SPA
ส่วนภาพรวมของการลงทุนในทองคำนั้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบจากสัปดาห์ก่อนโดยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,973 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดที่ 1,932 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังก่อนการประชุมเฟดซึ่งคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามราคาทองคำถูกเทขายทำกำไรจากความผิดหวังที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าความคาดหวังของนักลงทุน
คาดกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,970 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,860-28,990 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม