นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารได้มีการปรับตัวผ่านการทำกลยุทธ์การตีลังกา ซึ่งธนาคารได้มีการปรับตัวทั้งการให้บริการลูกค้า การปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมกับนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆเข้ามาใช้ ทำให้ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายในการถูก Disrupt
อย่างไรก็ตามแม้ว่าธนาคารจะเดินหน้ารุกการปรับตัวและพัฒนาการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ แต่ก็ยอมรับว่าการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือการพัฒนาเทคโนโลยีบางอย่างมีความล่าช้าอยู่บ้าง ซึ่งธนาคารก็ได้ผลักดันทีมงานให้พัฒนาสิ่งใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ต่อองค์กรและเป็นประโยชน์ให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์
โดยที่ธนาคารถือเป็นหนึ่งในกลไกที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือลูกค้าในทุกกลุ่ม ตั้งแต่ลูกค้าภาคธุรกิจรายใหญ่ไปจนถึงลูกค้ารายย่อย ทำให้ธนาคารจะต้องมีการบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมา เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แม้ว่าปัจจุบันพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ได้พยายามพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เข้ามาเป็นตัวช่วยให้กับลูกค้าได้มากที่สุด อย่างเช่น การพัฒนา Robinhood ที่เตรียมเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้ จะเข้ามาช่วยในการให้บริการร้านอาหารและคนส่งในการให้บริการสั่งอาหารแบบดิลิเวอรี่
ขณะที่วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ธนาคารถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทในการช่วยเหลือลูกค้าให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ เพราะหากลูกค้าไม่สามารถอยู่รอดได้ ธนาคารก็ไม่สามารถอยู่รอดได้เช่นกัน ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆออกมาช่วยเหลือลูกค้า พร้อมกับให้ทีมงานของธนาคารเป็นส่วนหนึ่งในการหาแนวทางการช่วยเหลือลูกค้า เพื่อแก้ปัญหากับวิกฤตที่เผชิญอยู่ ทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นทางออกได้ ซึ่งธนาคารพร้อมที่จะให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาใหม่กับลูกค้าตลอดเวลา เพื่อทำให้ลูกค้าของธนาคารทุกรายสามารถฟันฝ่าภาวะวิกกฤตในครั้งนี้ไปพร้อมกับธนาคาร
"เราไม่อยากให้ลูกค้ากลัวแบงก์ในช่วงวิกฤต ลูกค้าสามารถเข้ามาให้แบงก์แนะนำหรือช่วยเหลือได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเราที่พร้อมจะช่วยเหลือ ให้คำแนะนำลูกค้าตลอด ทำให้ลูกค้าแก้ปัญหาได้ และเห็นทางออก ทำให้ธนาคารต้องดูแลลูกค้าทุกคน เพราะถ้าลูกค้าไม่รอด ธนาคารก็ไม่รอดด้วย"นายอาทิตย์ กล่าว