นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก หลังสถานการณ์การผลิตสินค้าและการขนส่งกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทได้หันมาบุกตลาดในสหรัฐ ,จีน และอินเดีย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมากขึ้น เพื่อที่จะเพิ่มยอดขาย และกระจายความเสี่ยงให้มีตลาดที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากตลาดในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ขณะนี้มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปถึงไตรมาส 1/64 แล้ว
ขณะที่ตลาดในประเทศมุ่งเน้นการกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ อาทิ จำหน่ายผ่านออนไลน์ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ พร้อมกับแผนการขยายสาขาพิ่มขึ้น ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศผ่านลูกค้าของบริษัท รวมถึงสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังซื้อเข้ามาเกือบเต็มกำลังการผลิตที่มีอยู่ จึงได้กระจายงานให้กับพันธมิตรผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์รายอื่น ๆ เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าได้ทันกับกำหนดเวลาส่งสินค้า โดยขณะนี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 63% และในประเทศ 37%
สำหรับทิศทางรายได้ทั้งปี 63 บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะมีรายได้ 587.69 ล้านบาท หรือหดตัว 11.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 664.30 ล้านบาท เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขนส่งและการผลิตได้รับผลกระทบในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
"ที่ผ่านมาเรายอมรับว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามด้วยกลยุทธ์การขยายตลาดใหม่ๆ ทำให้คำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก และมียอดคำสั่งซื้อล่วงหน้าไปจนถึงไตรมาส 1/64 แล้ว ซึ่งตั้งแต่คลายมาตรการปิดเมืองจนถึงปัจจุบันเราใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม และยังได้พันธมิตรโรงงานอื่น ๆ ช่วยเราผลิตเพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้ตรงตามเวลาด้วย เราจึงมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเรายังเน้นกลยุทธ์ควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ต้นทุนการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง"นายอารักษ์ กล่าว