นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ บล.โกลเบล็ก ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) ของ บมจ.ศิรกร (SK) เปิดเผยว่า SK กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ระดับ 0.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 8 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานเมื่อเทียบกับบริษัทเทียบเคียงที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.38 เท่า
ทั้งนี้ SK จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 115.35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 106.85 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการและผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 8.50 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้ ในหมวดวัสดุก่อสร้าง
พร้อมทั้ง แต่งตั้ง บล.โกลเบล็ก และ บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมี บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เคทีบี (ประเทศไทย) บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.ไอร่า เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนั้
นายภากร ตั้งนุกูลกิจ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ SK กล่าวว่า บริษัทคาดจะได้รับเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ราว 90 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวน 70 ล้านบาท จะนำไปใช้รองรับการประมูลงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงงานรับเหมาก่อสร้างโยธาทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน เนื่องด้วยโครงการ Consortium งานสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นได้ในปีนี้ ทำให้บริษัทฯ จะสามารถรับงานโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ด้วยตนเอง
ส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาท จะนำไปลงทุนซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขนส่ง และรองรับโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งเพิ่มศักยภาพของธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต การขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า
ขณะที่บริษัทก็ยังมองหาโอกาสในการขยายการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างศึกษาขยายธุรกิจไปยังงานรับเหมาก่อสร้างสถานีย่อย (substation) เนื่องจากมองยังมีโอกาสค่อนข้างมาก รวมถึงที่ผ่านมาได้ SK ได้เข้าไปดำเนินงานในส่วนนี้ร่วมกับพันธมิตรบ้างแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 677.07 ล้านบาท เนื่องด้วยในช่วงไตรมาส 1/63 ถึงต้นไตรมาส 2/63 บริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการล็อกดาวน์ประเทศ ส่งผลให้การส่งมอบงานมีความล่าช้าออกไป และแม้ว่าจะยังดำเนินงานก่อสร้างได้ แต่ไม่มีคนเข้ามาตรวจงานในช่วงนั้น อย่างไรก็ตาม ทุกกระบวนการเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติแล้วตั้งแต่กลางไตรมาส 2/63 เป็นต้นมา น่าจะส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้กลับมาเติบโตกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 275 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท
พร้อมกันนั้น บริษัทมองว่าปี 64 ผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตขึ้น จากงานประมูลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ จะเน้นรับงานจากทางภาครัฐเป็นหลักคิดเป็นสัดส่วน 70% และงานเอกชน 30%