นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากวานนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของสหรัฐฯรอบใหม่ วงเงิน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไปหนุน Sentiment บวกต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนโยกเงินเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาอ่อนค่า เห็นได้จากราคาน้ำมัน และราคาทองคำ ต่างรีบาวด์ขึ้นมา
ส่วนบ้านเราก็คาดว่าจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 3/63 และวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็จะมีการเสนอพิจารณาการต่ออายุพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน และมีเรื่องการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแบบพิเศษ รวมถึงรอดูผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.คลังคนใหม่
นอกจากนี้ ล่าสุดค่าการกลั่นไปขึ้นมายืนเหนือระดับ 1 เหรียญฯ/บาร์เรล ได้ในรอบ 5 เดือน โดยมาอยู่ที่ 1.18 เหรียญฯ/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 6 เดือนครึ่ง น่าจะช่วยหนุนให้หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัวขึ้นได้ อีกทั้งสเปรดปิโตรเคมีก็ปรับตัวขึ้นมา ทำให้น่าจะไปหนุนหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีด้วย อย่างไรก็ดีให้จับตาการดีเบตผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,255 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,584.06 จุด พุ่งขึ้น 410.10 จุด (+1.51%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,351.60 จุด เพิ่มขึ้น 53.14 จุด (+1.61%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,117.53 จุด เพิ่มขึ้น 203.97 จุด (+1.87%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 14.33 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 101.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 108.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 23.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.76 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ก.ย.63) 1,263.02 จุด เพิ่มขึ้น 18.08 จุด (+1.45%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,232.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.ย.63) ปิดที่ 40.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.ย.) อยู่ที่ 1.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.63 แข็งค่าจากวานนี้ตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน ให้กรอบ 31.55-31.70
- แบงก์ชาติ ยก "3 ข้อ" ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤติโควิด ย้ำนโยบายรัฐต้องไม่เหวี่ยงแห เน้นกลุ่มที่ต้องรับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ หวั่นเกิดเบี้ยหัวแตก ไร้ประสิทธิภาพ บิดเบือนกลไกตลาด ด้าน "สถาบันป๋วย" ห่วงหนี้ครัวเรือนฉุดรั้งเศรษฐกิจ
- เดินหน้าเปิดประเทศแบบจำกัดจำนวน 1 ต.ค.นี้ ศบค.อนุมัติ 5 กลุ่มต่างชาติ จับตาผู้ถือบัตร APEC Card 18 ประเทศ 1 แสนคน "พิพัฒน์" เผยเที่ยวบินเช่าเหมาลำเที่ยวแรกจากจีนเข้าไทย 8 ต.ค.นี้ นายกฯย้ำทำความเข้าใจประชาชนผ่อนคลายเศรษฐกิจแต่ยังต้องเข้มงวดความปลอดภัย พร้อมต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน ส่วนยอดติดเชื้อวานนี้ ล่าสุด 22 ราย
- คลังลุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เริ่มฟื้น เตรียมปรับประมาณการจีดีพี 2563 ใหม่อีกครั้งในเดือนต.ค.นี้ หลังสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 4.3% ส่วนรายได้เกษตรกรขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ 9.2% ต่อปี
- ธปท.ระบุจากการวิเคราะห์หนี้ครัวเรือน ลูกหนี้ 2.1 ล้านราย หรือ 2.5 ล้านบัญชี มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ในอนาคต โดยกระจุกตัวอยู่ในภาคอีสานตอนใต้ ภาคใต้ และตามแนวชายแดนภาคเหนือ ขณะที่สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน น่าเป็นห่วงมากที่สุด แต่หากฟื้นภาคการท่องเที่ยวได้ จะช่วยให้ความเสี่ยงหนี้ลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ"เป้า 62 บาท รับประเด็นบวกเดินหน้าเปิดประเทศแบบจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 1 ต.ค.นำร่องต่างชาติ 5 กลุ่ม โดย Focus ไปที่ผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Long Stay ตามที่ตณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 15 ก.ย.จะต้องเป็นผู้ที่มี Special Tourist Visa (STV) สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 150 คน เดินทางมากันสายการบินแอร์เอเชียแบบเช่าเหมาลำปลายทางสนามบินภูเก็ตในวันที่ 8 ต.ค. และจะเดินทางเข้ามาเพิ่มอีก 126 คน กับสายการยินไทยสมายล์ปลายทางสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 25 ต.ค.เรามองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่รัฐบาลพยายามทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการบินกลับมามีความหวัง หากทดลองทำแล้วไม่มีปัญหาทางด้านสาธารณสุขน่าจะเห็นมาตรการผ่อนคลายอื่น ๆ ออกมาเพิ่มเติมอีก
- CBG (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 124 บาท กำไร H2/63 จะเติบโตดีจาก Woody C+Lock และรายได้ต่างประเทศ โดย CBG เป็นหุ้นที่น่าจะยืนราคาได้ภายใต้ภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอน จากแนวโน้มกำไรปีนี้และปีหน้าที่ยังเติบโตดี โดยคาดไว้ที่ 41% และ 26% ตามลำดับ ส่วนการระบาดโควิด-19 ที่เมียนมา จะกระทบกำไร CBG ไม่มากเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้เพียง 4-5% ของรายได้รวมของ CBG
- PTG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท คาดกำไร Q3/63 -5% Q-Q จากค่าการตลาดที่ชะลอ แต่โตแรง +90% Y-Y จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil คาดเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องและมี EBITDA Margin เพิ่มขึ้น ด้านมาตรการหยุดยาวกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลเป็นบวกต่อ Demand การใช้น้ำมัน โดยคาดกำไรจะกลับมาเร่งตัว Q-Q อีกครั้งใน Q4/63 ต่อเนื่องปี 2564 โดยคาดกำไรปกติปี 2563 ชะลอตัวเพียง -6% Y-Y ก่อนกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง +18%